เป๊ปซี่โค เผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, and Governance หรือ ESG) ปี 2565 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 ซึ่งถือเป็นรายงานฉบับเต็มปีครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดตัวกลยุทธ์ PepsiCo Positive ( pep+) ในปี 2564
pep+ มีเป้าหมายเพื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ครบวงจรอย่างยั่งยืน จากต้นทางจนถึงปลายทางในทุกส่วนของธุรกิจ ตั้งแต่วิธีการปลูกพืช ซึ่งเป็นวัตถุดิบผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ไปจนถึงวิธีการผลิต การขนส่ง และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เพื่อเสนอทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดย pep+ เป็นกรอบการทำงานที่ขับเคลื่อนการดำเนินการทั้งหมด ทั้งการกำหนดเป้าหมายและวิธีการเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของบริษัทฯ
สำหรับปี 2565 เป๊ปซี่โค ได้รายงานความก้าวหน้าที่สำคัญในด้านโภชนาการ การเกษตร สังคม (ผู้คนและชุมชน) ประสิทธิภาพในการใช้น้ำ และเป้าหมายการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาด โดยบริษัทฯ ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อลดการปล่อยมลพิษทางอากาศและลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่ (Virgin plastics)
เป๊ปซี่โครายงานผลลัพธ์ดังต่อไปนี้:
• นับเป็นปีที่สองที่ 75% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสะดวกซื้อ มีไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 1.1 กรัมต่อปริมาณอาหาร 100 แคลอรี่
o โดยเป๊ปซี่โคได้บรรลุเป้าหมายนี้ตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดถึงสี่ปี
• ลดปริมาณน้ำตาลและโซเดียมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในปี 2565
o 56% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทั้งหมดของเป๊ปซี่โค มีแคลอรี่จากน้ำตาลน้อยกว่า 100 แคลอรี่ต่อปริมาณเครื่องดื่ม12 ออนซ์ โดยเพิ่มขึ้นจาก 53% ในปี 2564
o ปัจจุบัน 68% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสะดวกซื้อมีโซเดียมไม่เกิน 1.3 มิลลิกรัมต่อปริมาณอาหาร 100 แคลอรี่ โดยเพิ่มขึ้นจาก 66% ในปี 2564
• เพิ่มพื้นที่การเกษตรเชิงฟื้นฟู (Regenerating farming) ได้มากกว่า 900,000 เอเคอร์ทั่วโลก โดยนับเป็นสองเท่าของปี 2565
o เป๊ปซี่โคช่วยให้เกษตรกรมีทักษะการปรับตัวได้ดีขึ้น และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากภาคการเกษตรไปกว่า 330,000 เมตริกตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการลดรถยนต์จากท้องถนนไปมากกว่า 73,000 คันต่อปี
• สำเร็จเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนผู้บริหารในสหรัฐฯ ที่มีเชื้อสายลาติน จากเป้าหมาย 10%
o เป๊ปซี่โคได้บรรลุเป้าหมายนี้ก่อนเวลาสามปี
• เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำในการผลิตขึ้น 22% ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเรื่องการขาดแคลนน้ำ ตั้งแต่ปี 2558
o ขณะนี้เป๊ปซี่โคได้เข้าใกล้เป้าหมายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้ได้ 25% ภายในปี 2568
• ช่วยให้ประชากร 12 ล้านคนเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดได้ในปี 2565
o เป๊ปซี่โคยังจัดหาแหล่งน้ำสะอาดให้คนทั่วโลกอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ช่วยให้คนเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดเหล่านั้นแล้วกว่า 80 ล้านคนทั่วโลก
การใช้โซล่าเซลล์ช่วยในการประหยัดพลังงาน
แชนด์เลอร์ กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมาคมผู้ปลูกข้าวสาลีแห่งชาติ (National Association of Wheat Growers) กล่าวถึงแนวทางของเป๊ปซี่โค ในการมีส่วนร่วมกับเกษตรกรและการใช้ประโยชน์จากแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรเชิงฟื้นฟูเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่า “เป๊ปซี่โคถือว่าเป็นผู้นำในการแสดงให้เห็นว่าบริษัทอาหารและผู้ผลิตสามารถร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการเพาะปลูกอย่างยั่งยืน ราคาย่อมเยาและอาหารที่ปลอดภัย นอกจากนี้ เป๊ปซี่โคยังได้ลงทุนและมีความมุ่งมั่นในการปฏิรูปการเกษตร และเป็นผู้นำในการมีส่วนร่วมกับเกษตรกรตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการบรรลุวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืนและได้ประโยชน์ร่วมกัน”
เป๊ปซี่โคมีความมุ่งมั่นในการดำเนินการเพื่อลดการใช้บรรจุภัณฑ์และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ กำลังดำเนินการตามแผนเพื่อสนับสนุนเป้าหมายในด้านเหล่านี้ โดยให้ความสำคัญของการดำเนินการที่คาดว่าจะสร้างความแตกต่างให้ได้มากที่สุด
พาเลทไม้เทียมที่ทำจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกอ่อนหลายชั้น
ในส่วนของประเทศไทย เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ได้เข้าร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit – GIZ) และหน่วยงานภาครัฐของไทยในการเสริมสร้างศักยภาพของเกษตรกร เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ภายใต้โครงการการจัดการห่วงโซ่อุปทานข้าวและมันฝรั่งเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ด้วยวิธีการปลูกข้าวมันฝรั่งและข้าวโพดหมุนเวียนอย่างยั่งยืน รวมถึงความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อให้ความรู้ และเก็บกลับขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกอ่อนหลายชั้น เพื่อนำขยะเหล่านี้ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นที่มีคุณค่าได้ อาทิ การแปรรูปเป็นไม้เทียม
จิม แอนดรูว์ เจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดด้านความยั่งยืน (Chief Sustainability Officer)
จิม แอนดรูว์ เจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดด้านความยั่งยืน (Chief Sustainability Officer) กล่าวว่า “การแบ่งระหว่างความเติบโตทางธุรกิจของเราจากการใช้ทรัพยากรเป็นเรื่องยากเสมอ แต่การบรรลุเป้าหมายระยะยาวของเราเป็นสิ่งสำคัญและเรากำลังเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าเราต้องปรับเปลี่ยนอย่างไรและที่ไหน เราได้ออกตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Bonds) มูลค่า 2.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2562 โดยเราได้ลงทุนเป็นจำนวนมากและจะยังคงมุ่งมั่นดำเนินการต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามพันธกิจ pep+ ของเรา ซึ่งรวมถึงการมุ่งสู่การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero) และลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่ (Virgin plastics) นอกจากนี้ เราจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อขจัดอุปสรรคในความก้าวหน้า แม้ว่าจะมีข้อบังคับโดยธรรมชาติหลายประการ รวมถึงความท้าทายในการจัดการกับปัญหาเชิงระบบนั้นยิ่งใหญ่มาก และเราจะต้องหาแนวทางร่วมกับภาคีเครือข่ายของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้ไปถึงจุดที่ทุกคนต้องการ”
มุมมองเพิ่มเติมจากนายรามอน ลากูอาร์ต้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายจิม แอนดรูว์ เจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดด้านความยั่งยืน เกี่ยวกับความคืบหน้าเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเพื่อดูแลโลกและสังคมของ เป๊ปซี่โค และความเร่งด่วนของการดำเนินการร่วมกันเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ สามารถรับชมได้จากวิดีโอนี้
เป๊ปซี่โคมุ่งมั่นที่จะจัดทำรายงานอย่างโปร่งใสและได้รับรางวัลการกำกับดูแลกิจการของเลขานุการบริษัท (Corporate Secretary’s Corporate Governance Awards) เป็นเวลาสามปีติดต่อกันในฐานะ “การรายงาน ESG ที่ดีที่สุด” สำหรับบริษัทขนาดใหญ่
เพื่อเป็นการเสริมบทสรุปของรายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ประจำปี 2565 เป๊ปซี่โคได้เผยแพร่รายละเอียดที่มีหัวข้อเกี่ยวกับการดำเนินงานและความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนของบริษัทราว 50 หัวข้อ รวมไปถึงหัวข้อถาม-ตอบ ESG Topics A-Z ของเป๊ปซี่โค โดยข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลของปีนี้และเนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สามารถติดตามได้ที่นี่