อธิบดีกรมปศุสัตว์เผย จีนอนุมัติขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตรังนกส่งออกเพิ่มอีก 2 แห่ง คาดมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ล้านบาท นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์เปิดเผยว่า คณะผู้ตรวจตรวจประเมินของหน่วยงานจากสำนักงานศุลกากรของสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of Customs of the People’s Republic China: GACC) ได้ตรวจประเมินโรงงานผลิตรังนกของประเทศไทย ผ่านระบบ Virtual audit ของบริษัท เนเชอรัล เนสท์ จำกัด (EST. 382) จังหวัดสงขลาและศูนย์รวบรวมรังนกที่ล้างทำความสะอาดรังนก (Edible bird’s nest collecting center) เพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิตด้านความปลอดภัยอาหารและความสอดคล้องตามข้อกำหนดตามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดการตรวจสอบกักกันโรคและสุขอนามัยสำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์รังนกจากไทยไปจีนและกฎระเบียบของประเทศจีน
ผลการตรวจประเมิน ทางฝ่ายจีนชื่นชมการดำเนินการของฝ่ายไทยโดยเฉพาะกรมปศุสัตว์ที่กำกับดูแลกระบวนการผลิตให้ได้คุณภาพมาตรฐานเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยกระบวนผลิตและการจัดการสินค้ารังนกของโรงงานมีคุณภาพ มาตรฐานปฏิบัติงานสมบูรณ์ดี สอดคล้องตามข้อกำหนดของจีน ทั้งนี้ไม่พบบกพร่องใดๆ พร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการควบคุมการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และหวังว่า ไทยจะคงรักษาคุณภาพมาตรฐานส่งสินค้ารังนกไปจีนได้มากขึ้นต่อไปในอนาคต ผลการตรวจประเมินครั้งนี้ ส่งผลทำให้โรงงานผลิตรังนกไทยได้ขึ้นทะเบียนส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น 2 แห่งคือ บริษัท เนเชอรัล เนสท์ จำกัด (EST. 382) และบริษัท ที.ที.เอส. เบฟเวอร์เรจ จำกัด (EST. 249) จากเดิมมี 3 โรงงานคือ บริษัท สยามรังนกทะเลใต้ จำกัด (EST. 285) บริษัท สยาม รังนกสากล จำกัด (EST. 301) และบริษัท เพาเวอร์สตาร์ จำกัด (EST. 326) รวมทั้งหมดเป็น 5 โรงงาน โดยคาดว่า จะส่งผลให้ธุรกิจอุตสาหกรรมรังนกไทยมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มมากขึ้นกว่า 100 ล้าน บาท
อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมปศุสัตว์มีระบบการกำกับดูแลกระบวนการผลิตรังนก อย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามหลักสากลมีสัตวแพทย์กรมปศุสัตว์ควบคุมและตรวจสอบทุกขั้นตอนการผลิตและการส่งออก นอกจากนี้แหล่งที่มาของรังนกจะต้องมาจากถ้ำที่ได้รับการขี้นทะเบียนและเฝ้าระวังโรคระบาดโดยเฉพาะ โรคไข้หวัดนกอย่างเข้มงวดซึ่งประเทศไทยปลอดจากโรคดังกล่าวมากว่า 15 ปี ทำให้ประเทศคู่ค้ามีความมั่นใจ ในผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์โดยเฉพาะประเทศจีนที่เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญได้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกปีละมากกว่า 12,000 ล้านบาทและมีแนวโน้มจะมีมูลค่าสูงขึ้นในทุกปีเนื่องจากทางจีนมีความมั่นใจในระบบการกำกับดูแลควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการผลิตสินค้าปศุสัตว์ของกรมปศุสัตว์