ปุ๋ยเคมี เป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญและจำเป็นต่อภาคการเกษตรของไทย แต่ ราคาปุ๋ยแพง ยังเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องยื่นมือเข้ามาแก้ไขทุกปี ด้วยเพราะไทยไม่สามารถผลิตปุ๋ยเคมีได้เอง แม่ปุ๋ย คือไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) หรือ โพแทสเซียม (K) ยังอาศัยการนำเข้า อีกทั้ง คุณภาพของปุ๋ยเคมี เป็นอีกความเสี่ยงของเกษตรกรรายย่อย ดังนั้นเพื่อรองรับการเพาะปลูกพืชหลังนา กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงร่วมกับกรมการค้าภายในสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทยและสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทยดำเนินโครงการเชื่อมโยงปุ๋ยเคมีราคาถูกให้แก่เกษตรกรผ่านสถาบันเกษตรกร ตั้งแต่บัดนี้ถึงเดือนธ.ค. 2566
นา ยวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า “โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งเกษตรกรทั่วไปในพื้นที่ สามารถซื้อปุ๋ยเคมีได้ในราคาถูก ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่เดือน ต.ค.- ธ.ค. 2566 โดยมีบริษัทผู้ผลิต ผู้นำเข้าปุ๋ยเข้าร่วมโครงการ 26 แห่ง จำนวนปุ๋ย 64 สูตร รวม 144 รายการมีส่วนลดกระสอบละ 10–50 บาท ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ตระหนักถึงปัญหาต้นทุนการผลิตของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะราคาปุ๋ยเคมีที่มีการปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา จึงได้มอบหมายให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวให้แก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ โดยสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่สนใจสามารถสั่งซื้อปุ๋ยได้ ผ่านสำนักงานสหกรณ์จังหวัดทุกแห่ง ทุกวันพุธของแต่ละสัปดาห์จนกว่าสิ้นสุดโครงการ”
นายวิศิษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากสมาชิกจำนวนมาก โดยมียอดสั่งซื้อปุ๋ย ณ วันพุธที่ 18 ต.ค. 2566 มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรสนใจสั่งซื้อทั้งสิ้น 73 แห่ง รวมจำนวน 28,678 ตัน ซึ่งคาดว่าส่วนลดที่จะได้รับจากโครงการมีมูลค่าถึง 11.47 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตหรือลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมีสำหรับใช้ปุ๋ยในพื้นที่เกษตรกรรมของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้ โดยเฉพาะเกษตรกรที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลผลิตพืชหลังนา
ทั้งนี้ปุ๋ยเคมีที่ได้รับความนิยม ส่วนใหญ่เป็นสูตร 46-0-0 , 15-15-15 ,16-20-0 ซึ่งเกษตรกรที่ต้องการใช้ปุ๋ยเคมี ต้องรีบแจ้งสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่นั้น เพื่อที่บริษัทผู้ประกอบการจะจัดโควตาเตรียมไว้ อย่างไรก็ตามราคาที่สถาบันเกษตรกรได้รับนั้นเป็นราคาหน้าโรงงาน ซึ่งการสั่งซื้อผ่านกลไกสหกรณ์จะได้รับความสะดวกในการขนส่ง แต่กรณีที่เป็นสหกรณ์รายเล็กไม่มีระบบขนส่งเป็นของตนเองนั้น ในโครงการนี้มีสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทยคอยอำนวยความสะดวก ซึ่งสามารถรับบริการผ่านแอปพลิเคชัน ของทางสมาคมได้ ซึ่งมีการกำหนดราคาอัตราค่าขนส่งปุ๋ยตามระยะ พร้อมกับส่วนลด “สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการนี้ ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตรทั้งหมด ดังนั้นเกษตรกรจึงมั่นใจได้ว่าจะได้ปุ๋ยที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันเกษตรกรสามารถเลือกซื้อปุ๋ยยี่ห้ออื่นๆได้ในสูตรที่ต้องการ ซึ่งจะประหยัดเงินได้มากกว่า และหากโครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จ มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะพิจารณาขยายโครงการออกไปอีก จากที่โครงการนี้จะสิ้นสุดในเดือน ธ.ค. นี้”