“ทุเรียน” ราชาผลไม้ไทย ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ถือเป็นไม้ผลปราบเซียนที่ขึ้นชื่อในเรื่องปลูกยาก ต้องอาศัยการจัดการดูแลที่ดีทุกการจัดการตรงตรงช่วง ทันเวลา และด้วยความเข้าใจในหลักสำคัญดังกล่าว เกษตรกรชาวทุเรียนคนเก่งแห่งอำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยองที่ชื่อ “เตชสิทธิ์ ช่วยป้อง” ได้ให้ความสำคัญยึดเป็นหัวใจหลักในการปฏิบัติ จนนำมาซึ่งความสำเร็จในการจัดการสวนทุเรียน ที่มีทุเรียนพันธุ์หมอนทองราว 700 ต้น สามารถเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตคุณภาพ เกิดผลกำไรมาอยางต่อเนื่อง ภายใต้การบริหารจัดการสวนทุเรียนตามหลักปฏิบัติที่ดี พร้อมเสริมประสิทธิภาพการทำงานด้วยการใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลที่ทันสมัย ตอบโจทย์ในทุกขั้นตอนของการจัดการดูแลสวนทุเรียน บนพื้นที่ 40 ไร่ ด้วยแรงงานในครอบครัวที่มีกันเพียง 3 คน
นับเป็นเวลากว่า 10 ปี ที่คุณเตชสิทธิ์ได้รับช่วงทำสวนทุเรียนหมอนทองต่อจากครอบครัว โดยช่วงแรกมีทุเรียนในสวนเพียง 100 ต้น แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเน้นการจัดการดูแลที่ดี ที่นำไปสู่การสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยจากกำไร นำมาซื้อที่ดินเพิ่ม ขยายสวนทุเรียนมาเรื่อย ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป จนกลายมาเป็นสวนทุเรียนหมอนทองขนาดใหญ่ มีเนื้อที่กว่า 40 ไร่
“นอกจากการต้องทุ่มเทดูแล เพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพแล้ว อีกปัญหาสำคัญที่เจอคือ ปัญหาแรงงาน ด้วยเราดูแลสวนทุเรียนแบบใช้แรงงานในครอบครัว ซึ่งมีเพียง 3 คน ซึ่งทำให้ไม่ทันต่อการจัดการสวน ผมเลยตัดสินใจใช้เครื่องจักรกลการเกษตร อย่างแทรกเตอร์คูโบต้า เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยได้มาก ถือเป็นผู้ช่วยสารพัดประโยชน์ที่คุ้มค่ามาก” คุณเตชสิทธิ์ กล่าว
คุณเตชสิทธิ์ บอกว่า หลังจากเก็บเกี่ยวทุเรียนแล้ว การดูแลบำรุงรักษาถือเป็นหัวใจสำคัญของคุณภาพผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวในรอบถัดไป โดยต้องเตรียมความพร้อมของทุเรียนทุกต้นสำหรับการติดดอก ออกผล รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพควบคู่กันไปกับการเพิ่มปริมาณผลทุเรียนด้ว
“ผมจะเน้นไปที่การรดน้ำ หมั่นใส่ปุ๋ยสูตรเฉพาะที่เหมาะกับต้นทุเรียนช่วงทำใบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มสารอาหารให้ต้นทุเรียน ดังนั้นจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรกลการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ และความแม่นยำ มาช่วยลดต้นทุนด้านแรงงาน และต้นทุนปุ๋ยได้ จากการใส่ปุ๋ยได้เหมาะสม ตรงตามความต้องการ และปิดท้ายด้วยการพ่นยา ซึ่งแทรกเตอร์คูโบต้าตอบโจทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในขั้นตอนสำคัญ เพื่อการดูแลบำรุงต้นทุเรียนทั้ง 700 ต้น” คุณเตชสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับการบำรุงรักษาต้นทุเรียนในสวนทั้ง 40 ไร่ มีขั้นตอนดังนี้
- ตัดกิ่งที่เป็นโรค กิ่งน้ำค้าง กิ่งแห้ง กิ่งแขนงด้านในทรงพุ่มออกให้หมด รวมถึงก้านทุเรียนที่ยังตัดไม่หมด เหลือไว้แต่กิ่งที่สมบูรณ์ ต้นทุเรียนต้องโปร่งให้แสงแดดและอากาศเข้าถึงได้ดี ลดการระบาดของโรคและแมลง
- เก็บวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณต้นทุเรียน เช่น ไม้ค้ำ เชือกโยง ถุงห่อทุเรียน ฯลฯ
- ทำความสะอาดโคนต้นทุเรียน กำจัดวัชพืช และหญ้าบริเวณท้องร่องสวน โดยใช้แทรกเตอร์คูโบต้าต่อพ่วงกับเครื่องตัดหญ้าตราช้าง ที่สามารถตัดหญ้าตามได้ระดับความสูงตามต้องการ เรียบเนียนทั่วทั้งแปลง และยังไม่ทำลายหน้าดินอีกด้วย
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์และพ่นยา เพื่อบำรุงต้น ป้องกันโรคเชื้อราในฤดูฝน และแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะ เพลี้ยไฟ เพลี้ยไก่แจ้ โดยใช้แทรกเตอร์คูโบต้า ต่อพ่วงกับ เครื่องพ่นยาแบบใบพัด (Air Blast)
“การที่ผมใช้แทรกเตอร์คูโบต้ามาช่วยดูแลต้นทุเรียนทั้ง 700 ต้น เพราะพิสูจน์มาแล้วว่า คุ้มกว่าการใช้แรงงานคนจำนวนมากมาเดินฉีดพ่นยาแต่ละแปลง ถ้าแรงงานคนอาจจะต้องใช้เวลาเป็นวันๆ บางทีฉีดไม่ทั่วถึง ทำให้ต้นทุเรียนเสี่ยงต่อโรคและแมลงได้ แต่เทียบกับการใช้แทรกเตอร์แล้วช่วยประหยัดเวลา ช่วยลดต้นทุนกว่ามาก เพราะใช้แทรกเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงอย่างเครื่องพ่นยาแบบใบพัด หรือ Air Blast ขับพ่นยาเองคนเดียว ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงก็เสร็จ ทั่วถึงทั้ง 40 ไร่ แบบสบาย ๆ หรือจะต่อพ่วงกับเครื่องตัดหญ้าตราช้าง ที่สามารถตัดหญ้าได้ระดับตามต้องการ ทนทานพร้อมลุยทุกร่องสวน ช่วยดูแลความเรียบร้อยภายในสวนกำจัดวัชพืช ทำให้ทุเรียนเติบโตได้ดี และสามารถทำได้ด้วยคนเดียว” คุณเตชสิทธิ์ กล่าว
พร้อมกันนี้คุณเตชสิทธิ์ ยังเน้นว่า ได้ใช้งานแทรกเตอร์คูโบต้าอีกแบบสารพัดประโยชน์ เรียกว่า “ทุกการบำรุงรักษา ครบ จบ ในคันเดียว” ทั้งประหยัดแรง ประหยัดเวลา ใช้งานได้หลากหลายครบครัน และที่สำคัญคือ เจ้าของสวนก็สามารถทำเองได้ไม่ต้องจ้างแรงงานเพิ่ม ทำให้เหลือเวลาไปทำงานส่วนอื่น และเหลือต้นทุนไว้สำหรับต่อยอดการทำสวนอีกด้วย
สำหรับผู้สนใจ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์โปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าชาวสวนผลไม้มืออาชีพ คลิก : https://bit.ly/49wQNHB