นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร

อ้อย เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ มีพื้นที่ปลูกรวม 11,125,480 ไร่ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่ปลูกมากที่สุดของประเทศ 4,960,255 ไร่ ด้วยปัญหาของสภาพอากาศที่แปรปรวน สภาพดินทรายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งปัญหาโรคใบขาวอ้อย อันเกิดจากพาหะเชื้อไฟโตพลาสมา (phytoplasma) ที่กระจายตัวอาศัยอยู่ในทุกส่วนของลำต้นอ้อย ซึ่งเมื่อนำไปขยายพันธุ์ก็จะมีเชื้อติดไปด้วย รวมกับแมลงพาหะนำโรคอย่างเพลี้ยจักจั่นปีกลายจุดสีน้ำตาล และเพลี้ยจักจั่นหลังขาว ก่อเกิดปัญหาต่อคุณภาพ และความสมบูรณ์ของอ้อย เพื่อลดความเสี่ยงของโรคใบขาวอ้อย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวิธีในการป้องกันกำจัดโรคใบขาวอ้อยได้ ดังนั้นการเลือกใช้พันธุ์สะอาดจากวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของเกษตรกร

นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร โดย กองขยายพันธุ์พืช และศูนย์ขยายพันธุ์พืช ทั้ง 10 ศูนย์ (จังหวัดชลบุรี ตรัง นครราชสีมา นครศรีธรรมราช บุรีรัมย์ พิษณุโลก มหาสารคาม ลำพูน สุพรรณบุรี อุดรธานี) มีภารกิจหลักในการผลิตและขยายพืชพันธุ์ดีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตภาคเกษตร ใน 4 สายการผลิต คือ ต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ เมล็ดพันธุ์ และพันธุ์พืชจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สำหรับต้นพันธุ์อ้อยสะอาด จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อเร่งแก้ปัญหาให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยจากโรคใบขาวอ้อย ได้มอบหมายให้ ศูนย์ขยายพันธุ์พืช ที่ 10 จังหวัดอุดรธานี ดำเนินกิจกรรมผลิตขยายพันธุ์อ้อยสะอาด

สำหรับสนับสนุนเกษตรกรเครือข่ายในการจัดทำแปลงพันธุ์อ้อยสะอาดไว้ใช้เอง โดยในแต่ละขั้นตอนของการผลิตต้นพันธุ์ จะต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคใบขาวอ้อย ด้วยกระบวนการ PCR Technique

สำหรับการดำเนินกิจกรรมการผลิตขยายพันธุ์อ้อยสะอาด สำหรับสนับสนุนเกษตรกรเครือข่ายในการจัดทำแปลงพันธุ์อ้อยสะอาดไว้ใช้เอง ทางศูนย์ขยายพันธุ์พืช ที่ 10 จังหวัดอุดรธานี เลือกใช้อ้อยพันธุ์ขอนแก่น 3 ซึ่งให้ผลผลิตสูง ไม่ออกดอก ทำให้น้ำหนักและความหวานไม่ลดลง กาบใบหลวม จึงเก็บเกี่ยวง่าย และเหมาะสมกับสภาพพื้นดินร่วนปนทราย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อที่ถูกเพาะเลี้ยงในสภาวะที่ควบคุมในเรื่องของความสะอาดแบบปลอดเชื้อ อุณหภูมิ และแสง จะเป็นต้นกล้ามีลักษณะตรงตามพันธุ์เหมือนต้นแม่ มีความสมบูรณ์แข็งแรงทั้งลำต้น และราก ปราศจากโรคแมลงศัตรูพืชและลักษณะอาการขาดธาตุอาหารพืช รวมทั้งสามารถผลิตต้นพันธุ์ปลอดโรคในปริมาณมากในระยะเวลาอันรวดเร็ว

นายรพีทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะแรก มีเป้าหมายในการผลิตอ้อยสะอาด จำนวน 20,000 ต้น ขณะนี้ดำเนินการผลิตเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสะอาด และนำลงปลูกในแปลงสาธิต ณ ศูนย์ขยายพันธุ์พืช ที่ 10 จังหวัดอุดรธานี ครบเรียบร้อยแล้ว เข้าสู่กระบวนการจัดส่งท่อนพันธุ์ ที่มีอายุพันธุ์ 8-10 เดือน ให้กับเกษตรกรเกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่อ้อย ตำบลหายโศก อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี จำนวน 60,000 ลำ ในฤดูกาลเพาะปลูกประจำปี 2567 ต่อไป

นายชาญชัย คำวงษา ประธานแปลงใหญ่อ้อย ตำบลหายโศก อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ได้ให้ข้อมูลว่า ทางกลุ่มมีสมาชิกจำนวน 250 ราย พื้นที่รวม 3,300 ไร่ เดิมเกษตรกรในพื้นที่จะนิยมซื้อพันธุ์จากชาวบ้านข้างเคียง และนำท่อนพันธุ์นั้นไว้ใช้เองต่อ แต่ยังคงเกิดปัญหาโรคใบขาว จึงเข้ามาขอรับพันธุ์ขอนแก่น 3 ไปทดลองใช้ เห็นผลดี อ้อยมีคุณภาพมากกว่าพันธุ์อื่น มีลำต้นใหญ่ แข็งแรง การแตกกอมากกว่า รวมทั้งยังไม่เจอการปนเปื้อนโรคใบขาวในแปลง และนอกจากการสนับสนุนท่อนพันธุ์แล้ว การที่มีเจ้าหน้าที่คอยมาให้คำแนะนำ ติดตามงาน ทำให้เกษตรกรแก้ปัญหาได้ทันที ในส่วนการตลาดนอกจากจะขายส่งโรงงานแล้ว ยังมีเกษตรกร พ่อค้าคนกลาง ยกเหมาแปลงพันธุ์ ในราคา 15,000 บาท/ไร่ เพื่อนำไปแบ่งขายท่อนพันธุ์ดีต่อ สร้างรายได้ 2 ทางให้กับเกษตรกร ซึ่งเมื่อทางกลุ่มทราบข่าวว่าศูนย์ขยายพันธุ์พืช ที่ 10 จังหวัดอุดรธานี ได้ดำเนินกิจกรรมผลิตขยายพันธุ์อ้อยสะอาด สำหรับสนับสนุนเกษตรกรเครือข่ายในการจัดทำแปลงพันธุ์อ้อยสะอาดไว้ใช้เอง โดยใช้พันธุ์ขอนแก่น 3 เกษตรกรสมาชิกในกลุ่มจึงสมัครเข้าร่วมกิจกรรม รวม 20 ราย เพื่อขอรับท่อนพันธุ์อ้อย พร้อมที่จะเริ่มปลูกในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคมที่จะถึงนี้

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated