“ศูนย์ข้าวฯ ศรีดอนมูล” สุดยอดแปลงนาเมืองเชียงราย
นายโอวาท ยิ่งลาภ และ นายธนานุวัฒน์ จันทร์ฟอง

กรุงเทพฯ 9 สิงหาคม 2567 – กรมการข้าว เดินหน้าพัฒนาชุมชนต้นแบบในการปลูกและผลิตข้าว กระตุ้นความแข็งแกร่งให้กับชาวนาและเพิ่มมูลค่าการปลูกข้าวในแต่ละพื้นที่ พร้อมโชว์ตัวอย่างศูนย์ข้าวชุมชนตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย แหล่งผลิตจากแปลงใหญ่ข้าว ที่เป็นแหล่งกระจายเมล็ดข้าวพันธุ์ดีเพื่อใช้สำหรับเพาะปลูกในพื้นที่ต่าง ๆ และเป็นศูนย์แบ่งปันองค์ความรู้ไปยังชุมชนอื่น ๆ นอกจากนี้ ชุมชนดังกล่าวยังมีการต่อยอดข้าวสู่สินค้าสร้างสรรค์ โดยอยู่ระหว่างพัฒนานวัตกรรมแปรรูปข้าวเหนียว กข6 เป็น คราฟต์เบียร์ ภายใต้แบรนด์ “ฮิมนา” ของดีประจำชุมชนที่อยู่ในกระบวนการทดสอบความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์แปรรูปให้เป็นไปตามมาตรฐานกรมสรรพสามิต ทั้งเรื่องของรสชาติ การสร้างแบรนด์ให้ตรงการตามต้องการของตลาดและดึงดูดใจผู้บริโภค พร้อมทั้งได้มีการแปรรูปเป็นสินค้าชนิดต่าง ๆ อาทิ ข้าวสุญญากาศในแบรนด์ “ศรีดอนมูล” กระดาษสาจากฟางข้าว ก้อนอิฐจากฟางข้าว ฯลฯ

นายโอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว เปิดเผยว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทยให้มีประสิทธิภาพ และเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนจำเป็นต้องมีการสร้างแปลงนา – วิสาหกิจชุมชนต้นแบบเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการพัฒนา พร้อมทั้งทำให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้การพัฒนาเมล็ดพันธุ์ ผลิตภัณฑ์ และกระบวนการผลิตที่ดีไปยังชุมชนอื่น ๆ โดยแนวทางดังกล่าวยังช่วยให้กลุ่มชาวนามีความเข้มแข็ง มั่นคง รู้จักแนวทางเพิ่มมูลค่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นการแปรรูป การลดของเสีย นวัตกรรมในการผลิต การต่อยอดสินค้าไปสู่การบริการ รวมทั้งการส่งเสริมการทำตลาดและการทำแบรนด์สินค้า และผลักดันให้ระบบเกษตรกรรมอย่าง การปลูกและผลิตข้าวในแต่ละพื้นที่มีความแข็งแกร่งและอยู่ได้ในระยะยาวอีกด้วย

“ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ถือเป็นชุมชนต้นแบบการผลิตข้าวที่สำคัญของจังหวัดและภูมิภาค ซึ่งเป็นแหล่งผลิตแปลงใหญ่ข้าวด้วยแนวคิดการปลูกข้าวปลอดภัย เพื่อแก้ปัญหาการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้มีคุณภาพดี ลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีจนได้รับมาตรฐานการรับรอง GAP (Good Agricultural Practice) การผลิตข้าวตามหลักการ GAP Seed จากกรมการข้าว ควบคู่กับการจัดทำระบบควบคุมภายในเพื่อควบคุมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยชุมชนแห่งนี้ ยังเป็นแหล่งกระจายและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีสู่ชาวนาในพื้นที่ด้วยพื้นที่เพื่อการผลิตเฉพาะเมล็ดพันธุ์ถึง 238 ไร่ สามารถกระจายไปถึง 5 พื้นที่ที่มีการปลูกข้าว และยังเป็นศูนย์ถ่ายทอดความรู้ข้อมูลข่าวสารที่สำคัญให้กับคนในพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้เกษตรกรยังมีความมุ่งมั่นในการเป็นศูนย์การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวแบบประณีต พร้อมทั้งการส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตข้าวตลอดห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ มีความเชื่อมั่นระดับสูง การยกระดับมาตรฐาน GAP สู่เกษตรอินทรีย์ พร้อมทั้งการแปรรูปข้าวให้เป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีการดำเนินการด้านการตลาดเข้าถึงผู้บริโภคที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ตลอดจนการเชื่อมต่อผลผลิตข้าวเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีศักยภาพในการสร้างงาน กระจายรายได้ให้กับประชาชนในตำบล”

นายโอวาท กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการผลักดันชุมชนต้นแบบในการผลิตข้าวของแต่ละพื้นที่แล้ว กองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว ยังมุ่งลดจุดอ่อนอุตสาหกรรมข้าวไทยในกระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว เช่น การลดของเสียการทำการตลาด รวมถึงการผลักดันสินค้าสร้างสรรค์ – สินค้านวัตกรรมของแต่ละชุมชนให้เหนือไปกว่าการแปรรูปขั้นกลาง เนื่องจากขณะนี้ความต้องการของผู้บริโภคและตลาดมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยแนวทางนี้มุ่งหวังให้อย่างน้อยเกิด 1 ผลิตภัณฑ์หรือบริการเรือธง ที่ต่อยอดหรือใช้ประโยชน์จากพันธุ์ข้าวพื้นเมือง เพื่อสร้างการจดจำและรายได้ที่มากขึ้นให้กับวิสาหกิจชุมชน พร้อมทั้งพลิกโฉมเกษตรกรรมให้ไปสู่เกษตรสมัยใหม่ที่ทุกกระบวนการเชื่อมโยงกัน ทั้งระบบการทำเกษตรที่มีประสิทธิภาพสูง คนในชุมชนเกิดรายได้สูง และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น

ด้านนายธนานุวัฒน์ จันทร์ฟอง ประธานศูนย์ข้าวชุมชนศรีดอนมูล เปิดเผยว่ากรมการข้าว ได้ให้การส่งเสริมองค์ความรู้ การพัฒนาการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว สินค้าข้าวให้ตรงกับความต้องการของตลาดข้าว รวมถึงการเพิ่มมูลค่าข้าวในทางการค้าเชิงพาณิชย์ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อยกระดับสินค้าในพื้นที่ชุมชนศรีดอนมูล ซึ่งผลิตพันธุ์ข้าวเป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภค มีข้าวพื้นเมือง 2 สายพันธุ์ ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ (กข15 และกข105) ข้าวเหนียว (กข6 สันป่าตอง และกข-แม่โจ้ 2) ด้วยเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดี จึงได้ต่อยอดขยายพันธุ์ข้าวให้มีเมล็ดพันธุ์เพิ่มมากขึ้น เริ่มจากสมาชิกในชุมชน และให้เกษตรกรเลือกเพาะปลูก เพื่อผลผลิตที่ดี ตอบโจทย์ความต้องการของศูนย์ข้าวชุมชนในการขยายพันธุ์ข้าวให้มีเมล็ดพันธุ์เพิ่มมากขึ้น

“วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชน ตำบลศรีดอนมูล ประกอบไปด้วยชาวบ้านในพื้นที่รวม 38 คน 45 ครัวเรือนพื้นที่ปลูกข้าวรวม 1,037 ไร่ เกษตรกรจะทำการปลูกข้าวด้วยกรรมวิธีอินทรีย์ผสานกับการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จำเป็น ทั้งนี้ เกษตรกรทำนาปีละ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ มีฤดูกาลเพาะปลูกคือเดือน มิถุนายน – สิงหาคม และเดือน พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือน เมษายน และเดือน มิถุนายน ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 800 กิโลกรัม – 1.29 ตัน/ไร่ โดยปีที่ผ่านมามีผลผลิตรวม 250 ตัน สามารถจำหน่ายข้าวเปลือกได้ตันละ 11,000 บาท โดยกลุ่มสินค้าข้าวที่ขายดีที่สุดและสร้างรายได้ให้กับชุมชนคือ ข้าวหอมมะลิ

นอกเหนือจากนี้ความโดดเด่นของศูนย์ข้าวชุมชนศรีดอนมูล คือ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวเหนียวเขี้ยวงู เป็น คราฟต์เบียร์ ภายใต้แบรนด์สุราฮิมนา ซึ่งอยู่ในกระบวนการทดสอบความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์แปรรูปให้เป็นไปตามมาตรฐานกรมสรรพสามิต ทั้งเรื่องของรสชาติ การสร้างแบรนด์ให้ตรงการตามต้องการของตลาดและดึงดูดใจผู้บริโภค นอกจากนี้ยังต่อยอดข้าวเหนียวเขี้ยวงู (GI) แปรรูปเป็นเหล้าขาว ในรูปแบบโซจู ที่ทำการตกแต่งกลิ่นและรสชาติหลากหลายรส อาทิ ลิ้นจี้ สตอเบอรี่ มะม่วง และพีช และมียังมีแนวคิดในการแปรรูปข้าวหอมมะลิ 105 เป็น ชา ที่มีความหอมของข้าวหอมมะลิ โดยแนวคิดเหล่านี้กำลังอยู่ในกระบวนการต่อยอดความสำเร็จในผลิตภัณฑ์ ให้เป็นสินค้าประจำชุมชนในการสร้างรายได้อนาคต”

นายธนานุวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ชุมชนศรีดอนมูลยังมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเพิ่มมูลค่าให้ข้าวด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อส่งต่อผู้บริโภค ได้แก่ ข้าวสุญญากาศภายใต้ชื่อแบรนด์ “ศรีดอนมูล” ฟางข้าวอัดก้อน กระดาษสาจากฟางข้าว ก้อนเพาะเห็ดจากฟางข้าว และก้อนอิฐจากฟางข้าว โดยผลิตภัณฑ์ข้าวแปรรูปได้พัฒนาคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวและผลิตข้าวได้มาตรฐาน GAP ได้รับรางวัลการันตีในการประกวดข้าวหอมมะลิ ประเภทรายบุคคลและสถาบันเกษตร ในปี 2565 นอกจากนี้ยังมีการต่อยอดการสีข้าว ส่วนฟาง แปรรูปเป็นรำหยาบ รำละเอียด ปลายข้าว และแกลบ ใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนไม่มีเหลือทิ้งเป็นขยะแต่อย่างใด (Zero Waste) และเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปเพื่อจัดจำหน่าย ส่งเสริมการค้าเชิงพาณิชย์

สำหรับศูนย์ข้าวชุมชน ตำบลศรีดอนมูล ได้เข้าร่วมหลากหลายโครงการตามกิจกรรมสนับสนุนของกรมการข้าวอย่างต่อเนื่องถึง 11 ปี อาทิ ปี 2563 ได้รับการสนับสนุนเครื่องอบลดความชื้นข้าวเปลือก โดยจากการได้รับการสนับสนุนจะช่วยให้คนในชุมชนมีความสะดวกในกระบวนการผลิตข้าวที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงยังสามารถช่วยรักษาคุณภาพของเมล็ดรักษาสีและรูปร่างของเมล็ดข้าวให้สวยและมีความสมบูรณ์สูง ไม่ทำให้เยื่อหุ้มและตาข้าวเสียหาย พร้อมยังช่วยตอกย้ำให้ชุมชนรู้จักช่องทางการขายหรือแนวทางการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการตลาดและผู้บริโภค

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated