อุตสาหกรรมกาแฟไทยกำลังเดินหน้าสู่มาตรฐานสากล สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) – ARDA จึงได้จัดอบรมหลักสูตร “การผลิตกาแฟอะราบิกาเชิงอุตสาหกรรมแบบครบวงจร” ให้กับผู้ประกอบการเกษตรกรและบุคลากรด้านการเกษตรทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จำนวน 31 ราย เมื่อวันที่ 16 พ.ย. – 4 ธ.ค. 2567 เป็นหลักสูตรที่เกิดขึ้นภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ด้านการวิจัยและพัฒนาการเกษตรและความหลากหลายทางชีวภาพ และหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) ความร่วมมือด้านงานวิจัยกาแฟและสมุนไพร ระหว่าง 3 หน่วยงาน ได้แก่ ARDA สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) และ มหาวิทยาลัยเกษตรยูนนาน เพื่อสร้างความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาและการพัฒนาบุคลากรวิจัยในด้านกาแฟและสมุนไพรตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อยกระดับกาแฟไทยตามนโยบายเกษตรมูลค่าสูงและเกษตรแปรรูป และนโยบายลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มรายได้เกษตรกร ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มมูลค่ากาแฟอะราบิกาไทยให้กลายเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก Specialty Coffee

นางสาวกุลวรา โชติพันธุ์โสภณ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขาดแคลนแรงงานการเก็บเกี่ยว ปัญหาด้านการตลาด ฯลฯ ARDA จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศจัดทำหลักสูตรเฉพาะทาง โดยเน้นให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติในการผลิตกาแฟอย่างครบวงจร สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการพัฒนาต่อยอดพัฒนากาแฟของไทยให้ได้คุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นของหลักสูตร คือ ผู้อบรมจะได้รับการฝึกอบรม โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟทั้งด้านเทคโนโลยีการเพาะปลูกกาแฟที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟขั้นพื้นฐาน Bean Great Coffee ศูนย์การเรียนรู้การปลูก แปรรูป และแหล่งท่องเที่ยวด้านกาแฟ การปลูกกาแฟใช้ระบบปฏิบัติการแบบการให้ปุ๋ยผ่านระบบน้ำแบบอัตโนมัติ ผสมผสานกับระบบเซ็นเซอร์เพื่อตรวจวัดความชื้นในดิน และศูนย์การค้ากาแฟนานาชาติยูนนานที่ให้บริการเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและผู้รับซื้อเมล็ดกาแฟจากทั่วโลกและมีการฝึกปฏิบัติการเป็นบาริสต้ามืออาชีพ ณ มหาวิทยาลัยเกษตรยูนนาน วิทยาเขตผูเอ่อร์ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ที่มีชื่อเสียงด้านการวิจัยและพัฒนากาแฟครบวงจร นอกจากนี้ยังเป็นโอกาส ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟไทยสู่มาตรฐานระดับโลก

นายนิสิต บุญเพ็ง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า หลังจบการเข้าร่วมอบรม ทาง ARDA ได้ติดตามผลการดำเนินงานเนื่องจากการพัฒนาสายพันธุ์กาแฟกรมวิชาการเกษตรถือเป็นต้นน้ำของการพัฒนา ยกตัวอย่างผลงานที่ผ่านมา เช่น การพัฒนาสายพันธุ์ เชียงราย1 เชียงราย 2 เชียงใหม่ 1 เชียงใหม่ 2 ซึ่งล้วนแต่เป็นสายพันธุ์กาแฟที่ป้องกันโรคราสนิม และยูนนานก็ต้องการสายพันธุ์นี้เช่นเดียวกันซึ่งในอนาคตอาจจะมีการบูรณาการร่วมกันให้ทำในเรื่องของการทนร้อนสูง และการเพิ่มผลผลิตต้นกล้าให้ได้เยอะๆ กรมวิชาการเกษตรมีนโยบายในเรื่องของการเพิ่มเนื้อเยื่อต้นกล้า รวมถึงนวัตกรรมการเก็บเกี่ยวที่ใส่ปุ๋ย 3 ครั้งของเราการใช้แผ่นเทปสีเพื่อตรวจสอบคุณภาพของกาแฟเชอรี่จนถึงการทำ Cupper หรือ Q – Grader โดยมีการทดสอบกระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟ คุณภาพ ไปจนถึงกลิ่นและรสชาติ ต้องได้คะแนน 80 คะแนนขึ้นไปเท่านั้น จึงจะเรียกว่า ‘Specialty Coffee’ ได้

นางสาวพิมพ์พนิต พิจิดเพ็ญ นักเรียนทุนเกษตรกร smart farmer สวก. ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมหลักสูตรการอบรม กล่าวว่า ปัจจุบันกาแฟไทยกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นในตลาดโลก โดยเฉพาะในกลุ่มกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) การเข้าร่วมอบรมหลักสูตรพัฒนากาแฟ ทำให้ได้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาสายพันธุ์ที่ดีและกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะช่วยให้กาแฟไทยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และดึงดูดตลาดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการโฆษณามากนัก นอกจากนี้กระบวนการคั่วกาแฟก็เป็นหัวใจสำคัญ การคั่วที่ดีต้องมีมาตรฐานและควบคุมปัจจัยต่างๆ เช่น ความชื้นและอุณหภูมิ เพื่อให้ได้รสชาติที่นิ่งและคุณภาพสม่ำเสมอ จึงอยากฝากถึง ARDA หากมีโอกาสอยากให้มีการจัดหลักสูตรนี้เพื่อพัฒนาทักษะการคั่วกาแฟให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น

นายสุทัศน์ บุญเป็ง นักวิชาการส่งเสริมและพัฒนา 5 สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) กล่าวว่า จากการศึกษาดูงานที่มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้นำเทคนิคการปลูกและแปรรูปที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในพื้นที่สูง พร้อมทั้งขยายพื้นที่ปลูกในจังหวัดน่าน แม่ฮ่องสอน และพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งถือเป็นภารกิจของหน่วยงาน โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือ การพัฒนาสายพันธุ์กาแฟที่เหมาะสมกับพื้นที่สูง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการของเสียจากกระบวนการผลิต เช่น การทำปุ๋ยหมักจากกากกาแฟ และการบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้การผลิตกาแฟเป็นไปอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ด้านการตลาด สวพส. ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงช่องทางออนไลน์ แม้จะเป็นเรื่องใหม่สำหรับชาวเขาและเกษตรกรพื้นที่สูง แต่การพัฒนาในจุดนี้จะช่วยให้พวกเขาสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่กว้างขึ้น

การจัดอบรมหลักสูตรนี้ มีเป้าหมายหลักเพื่อยกระดับกาแฟอะราบิกาไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้น สอดรับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของเกษตรกร ทำให้ไทยก้าวสู่การเป็นแหล่งผลิตกาแฟระดับพรีเมียมที่ได้รับการยอมรับจากตลาดโลก
