หมายเหตุ-เกษตรก้าวไกล ระหว่างที่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ลงพื้นที่ชัยภูมิเพื่อร่วมพิธีเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อขยายศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวและข้าวคุณภาพภาพดีแบบยั่งยืน ได้พูดถึงการประชุม ครม. 8 เม.ย. ที่ผ่านมา ว่า เราต้องดูแลผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรกว่า 30 ล้านคน จะเอาเกษตรกรไทยไปแลกกับภาคอุตสาหกรรมอื่น เราไม่ยอม…ตามราละเอียดในเฟสบุ๊ค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ Prof.Dr.Narumon Pinyosinwat ดังนี้
วันที่ 10 เม.ย.68-ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ลงพื้นที่โรงเรียนหนองบัวแดงวิทยา ต.หนองบัวแดง อ.หนองบัวแดง และโรงเรียนแก้งคร้อวิทยา ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เพื่อร่วมพิธีเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อขยายศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวและข้าวคุณภาพภาพดีแบบยั่งยืนภายใต้โครงการสนับสนุนการลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว พร้อมมอบปัจจัยการผลิต และมอบโฉนดเพื่อการเกษตร โดยมี นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคกล้าธรรม และ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 ให้การต้อนรับ

โดย ศ.ดร.นฤมล ได้กล่าวกับประชาชนช่วงหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องประชุม เพื่อให้ข้อมูลกับทีมที่จะไปเจรจากับสหรัฐอเมริกาที่จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายภาษีนำเข้าใหม่ โดยขยับของไทยเป็น 36% ซึ่งตนได้พูดกับสื่อมวลชนและคณะทำงานของนายกรัฐมนตรีว่า จุดยืนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และควรที่จะเป็นจุดยืนของรัฐบาลไทยด้วยก็คือ เราต้องดูแลผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรกว่า 30 ล้านคน จะเอาเกษตรกรไทยไปแลกกับภาคอุตสาหกรรมอื่น เราไม่ยอม สิ่งที่ตนพูดในที่ประชุมคือ “ท่านจะไปเจรจา ท่านจะไปซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพื่อทำให้ถูกใจฐานเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดิฉันขอถามว่า พวกเราไม่ได้มาจากการเมืองหรือ พวกเราไม่มีฐานเสียงเหรอคะ ฐานเสียงของท่านเป็นเกษตรกรของอเมริกาหรืออย่างไร แต่สำหรับดิฉันคือ เกษตรกรไทย แล้วจะเอาเกษตรกรไทยไปแลกกับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ ชิ้นส่วนรถยนต์ คอมพิวเตอร์ ทั้งที่เป็นของต่างชาติที่มาตั้งโรงงานเป็นฐานการผลิตในประเทศไทย เช่นนั้นหรือ

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เรื่องการนำเข้าเนื้อและเครื่องในสุกรที่กำลังจะถูกนำไปแลกดีลกับสหรัฐอเมริกาก็เช่นกันซึ่งเราก็ชี้แจงว่า เรามีกฎหมายของเราอยู่ว่า ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสุกร แต่สหรัฐฯเขาใช้สารเร่งเนื้อแดง และมันจะตกค้างอยู่ในเนื้อหมู ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเสี่ยงต่อการที่จะเจ็บป่วย เขาก็บอกให้เราแก้กฎหมาย ซึ่งดิฉันชี้แจงไปว่า หากมีการแก้กฎหมายนั่นหมายความว่า จะไม่ใช่สหรัฐฯที่เดียวที่จะส่งหมูเข้ามาไทยได้ แต่ทุกประเทศที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงก็จะส่งหมูเข้าไทยได้เหมือนกัน ดังนั้น อนาคตเกษตรกรเลี้ยงหมูของไทยก็จะต้องใช้สารเร่งเนื้อแดงเพื่อสู้เรื่องราคากับหมูจากต่างประเทศ มันก็จะกลายเป็นความเสี่ยงกับพี่น้องประชาชนในเรื่องสุขอนามัยและเรื่องสุขภาพ

“เราจะไปลด แลก แจก แถม ให้อเมริกา ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่า เขาจะลดภาษีให้เราหรือไม่ ทุกวันนี้กระทรวงเกษตรฯต้องมาแก้ปัญหาในสิ่งที่เรารัฐบาลไหน ๆ ไปเจรจาเอาไว้และก็เกิดผลกระทบกับพี่น้องเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโคเนื้อ ที่เราไปเปิดให้ประเทศออสเตรเลียนำเข้า ตอนนี้ตลาดโคไทยขายไม่ได้ ราคาตกต่ำ ไม่มีที่จะระบาย ต้องบอกให้กระทรวงเกษตรฯ พยายามไปเปิดตลาดที่ประเทศจีน และทุกข้อตกลงการค้าที่ท่านเคยไปเจรจามาบอกได้เลยว่า ผลประโยชน์ตกเป็นของต่างชาติทั้งนั้น แต่เกษตรกรไทยตายหมด วันนี้ปัญหาเดิมยังแก้ไม่หมด ท่านจะเอาปัญหาใหม่มาให้กระทรวงเกษตรฯ แก้ไขอีก“ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้ายว่า พ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคน จำพวกนักการเมืองที่มาหาเสียงเวลาจะเลือกตั้งแล้วพูดกับท่านว่า ประชาชนต้องมาก่อน เกษตรกรต้องมาก่อน แต่พอเข้าไปมีตำแหน่ง มีอำนาจ กลับดูแลแต่พวกพ้อง พวกนายทุน จำหน้าจำชื่อมันเอาไว้ แล้วอย่าไปเลือกมันเข้ามาอีก แต่สำหรับกระทรวงเกษตรฯ เราจะดูแลพี่น้องเกษตรกรอย่างดีที่สุด เราจะต่อสู้จนถึงที่สุด เพื่อดูแลผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกร เราจะไม่ยอมให้เกษตรกรของเราเสียเปรียบให้กับชนชาติใด หรือให้กับอุตสาหกรรมใดอีกแล้ว”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภารกิจของกระทรวงเกษตรฯ เรายังคงเดินหน้าหาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีมาให้กับพี่น้องในจังหวัดชัยภูมิและทั่วประเทศไทยผ่านศูนย์ข้าวชุมชน ซึ่งวันนี้เรามีอยู่ประมาณ 6000 กว่าศูนย์แล้ว ในปี 2568 เราจะมี 7000 ศูนย์ และเราจะทำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วประเทศไทย ตามงบประมาณที่เขาให้เรา เราหวังว่าศูนย์ข้าวชุมชนจะเป็นที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้กับพี่น้องชาวนา และกระจายเมล็ดพันธุ์ที่ดีให้กับพี่น้องในชุมชนหรือชุมชนใกล้เคียงที่ยังไม่มีศูนย์ข้าวชุมชน

ทั้งนี้ รัฐมนตรีและคณะได้พร้อมมอบปัจจัยการผลิต อาทิ ต้นพันธุ์กล้วยหอมทอง ,พันธุ์ปลา 200,000 ตัว ,กุ้งก้ามกราม 40,000 ตัว,พันธุ์หม่อนผลสด พันธุ์เชียงใหม่,เมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงและข้าวโพด 1,000 ชุด,เมล็ดพันธุ์ข้าว 270,796 กิโลกรัม รวมไปถึงได้มอบโฉนดเพื่อการเกษตร และ มอบโฉนดต้นยางพาราให้กับเกษตรกรในพื้นที่ด้วย
