เรื่อง/ภาพ : เบียร์ เกษตรก้าวไกล
“คำว่าพอเพียงคือต้องพอแค่ไหนคุณรู้ไหม?”คำถามง่ายๆ ชวนคิดจากลุงประทีป มายิ้ม ชายวัยกลางคนที่หลายคนรู้จักเขาในฐานะ “ปราชญ์เกษตรต้นแบบ” และมีตำแหน่งทางสังคมคือนายกสมาคมการค้ากุ้งก้ามแดง ผู้ที่น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ และส่งต่อองค์ความรู้การทำเกษตรชีววิถี ด้วยหวังให้เกษตรกรไทยมีความเป็นอยู่ที่พอดี พอเพียง และมีความสุข
แน่นอนว่า เส้นทางชีวิตของลุงประทีป ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะมีวันนี้ทีพอดี ต้องปากกัดตีนถีบ ทำงานเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นเด็กชาย หลังจบการศึกษาชั้น ป.7 นอกจากเรียนหนังสือ ทำไร่ทำนาแล้ว ยังมีอาชีพเสริมคือการเป็นสัปเหร่อ ในวัยเพียง 13 ปี
ต่อมาในวัย 19 ปี ลุงประทีปได้เดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย ตามโครงการแลกเปลี่ยนไทย-ซาอุฯ ที่มีการส่งนักศึกษาที่มีความรู้ด้านการเกษตรเพื่อไปปลูกต้นไม้ ปลูกข้าว และไม้ดอกไม้ประดับอยู่ท่ามกลางทะเลทราย
ลุงประทีป เล่าว่า “การใช้ชีวิตในต่างแดน เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็ท้าทาย คือ ผมชอบเรื่องการทำเกษตร เรียนก็เรียนด้านเกษตร การไปอยู่ที่โน่นเป็นการเปิดหูเปิดตาเรามาก เพราะเขามีทุกอย่างที่บ้านเราไม่มี ส่วนเราเองก็มีทุกอย่างที่เขาอยากมีเหมือนกัน…ตอนที่อยู่ที่โน่นหน้าที่หลักผมคือการปลูกต้นไม้ของพื้นที่สนามบินพื้นที่ 100,000 กว่าไร่ให้กลายเป็นสีเขียว ซึ่งโดยส่วนตัวผมมีความถนัดเรื่องไม้ดอกไม้ประดับ ปลูกข้าว จึงได้รับหน้าที่การจัดสวนหย่อม”
ช่วงเวลา 4 ปีเศษในต่างแดน ถือเป็นบททดสอบที่ยากพอควร สำหรับเด็กหนุ่มในวันนั้น แต่ทว่าประสบการณ์ที่ได้ สามารถนำมาต่อยอดและปรับใช้ในรูปแบบเรษฐกิจพอเพียงได้ จนเกิดเป็น “ศูนย์การเรียนรู้ชีววิถเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน สวนพออยู่พอกินบ้านมายิ้ม” ใช้พื้นที่ 1 ไร่ มาทำประโยชน์ได้คุ้มค่าจนคนต้องมาดูงานกันไม่ขาดสาย ทั้งปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ทำประมง โดยแบ่งเป็นฐานการเรียนรู้ คือ
ฐานที่ 1 : การทำน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ แบ่งเนื้อที่เล็กๆ ไว้ผลิตปุ๋ยน้ำหมักจากพืชผัก เศษอาหารที่เหลือจากการกินและจำหน่าย
ฐานที่ 2 : พืชผัก ถ้าปลูกต้นไม้อย่างปลูกพญาสัตบรรณก็เอาแก้วมังกรมาเลื้อยเกาะไว้ด้วยก็จะได้กินแก้วมังกรด้วย ปลูกมะนาวก็ปลูกพริกด้วยจะได้มีพริกกิน นอกจากมีแค่มะนาวกินอย่างเดียว
ฐานที่ 3 : สัตว์ปีก เลี้ยงไก่ก็จะมีไข่ไว้กิน แล้วให้ไก่กินเศษอาหารของเรา ก็ไม่มีต้นทุนในการซื้ออาหารไก่ จากนั้นก็ได้มูลไก่ไปใส่ให้ต้นไม้กินด้วย
ฐานที่ 4 : ประมง เป็นฐานที่แสดงให้เห็นการทำประมงด้วยการเลี้ยงกุ้งแบบพอเพียง เลี้ยงแบบชีววิถี เช่น การเลี้ยงกุ้งในนาข้าว ซึ่งมีการเลี้ยงสัตว์ไว้หลายชนิดด้วยกัน เช่น กุ้งฝอย กุ้งขาว กุ้งก้ามกราม กุ้งก้ามแดง
ซึ่งสิ่งที่ไม่น่าเชื่ออีกอย่างก็คือการมีรายได้หมุนเวียนภายในศูนย์ฯ นอกจากการขายกุ้งก้ามแดงแล้ว ยังมีรายได้จากการขายพืชพันธุ์ผักนานาชนิดภายในสวน รวมถึงการสร้างเครือข่ายกุ้งก้ามแดงที่แข็งแรงซึ่งเป็นการต่อยอดรายได้ที่มั่นคง ถึง 400,000 บาทต่อปี
โดยลุงประทีปเริ่มต้นเลี้ยง จากกุ้งที่ได้เป็นของฝากจากลูกสะใภ้เพียง 4 ตัว ตอนแรกคิดว่าเป็นกุ้งสวยงาม เลยเอามาปล่อยในอ่างเลี้ยงปลาหางนกยูง เลี้ยงแบบตามมีตามเกิด ไม่ได้ให้อาหารอะไรเลย แต่สังเกตเห็นสาหร่ายหางกระรอกในอ่างเลี้ยงปลาค่อยๆ ลดลง แสดงว่ามันกินเป็นอาหารได้
จากเริ่มต้นด้วยลูกกุ้งแค่ 4 ตัว เลี้ยงเล่นๆ สนุกแค่ปีเดียว ลูกกุ้งมีมากมาย เลยแบ่งส่วนหนึ่ง 500 ตัวลงแปลงนาสาธิตของศูนย์เรียนรู้ฯ พื้นที่ขนาด กว้าง 3 เมตร ยาว 5 เมตร ขังน้ำลึกประมาณ 1 ฝ่ามือ ปลูกข้าวเต็มรกไปหมด กั้นตาข่ายโดยรอบ เพื่อป้องกันนก หนู สัตว์แปลกปลอมเล็ดลอดเข้าไปจับกุ้ง
ลุงประทีปสรุปให้ฟังง่ายๆ ก็คือ “ยิ่งรก ยิ่งรอด” นอกจากจะรกด้วยการปลูกข้าวและต้นไม้น้ำสารพัดชนิดแล้ว ยังเอาท่อประปา (ท่อพีวีซี) ตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 1 คืบ มาทำเป็นที่หลบซ่อนให้กุ้งด้วย…ส่วนเรื่องอาหารเลี้ยง ไม่เคยควักเงินซื้อ ใช้แต่แหนอย่างเดียว เลี้ยงปล่อยไว้อย่างนั้น คอยเติมแหนกับดูแลเติมน้ำไม่ให้แห้ง…1 ปีครึ่งผ่านไป ได้กุ้งขนาด 2 ตัว 1 กก. เชฟโรงแรมแชงกรี-ลาที่พัทยารู้ข่าวเลยมาติดต่อขอซื้อ
ซึ่งศูนย์เรียนรู้ฯ แห่งนี้ ยังพร้อมและยินดีต้อนรับ ให้คำแนะนำการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงชีววิถีให้สามารถพัฒนาสู่การเป็นกุ้งเนื้อเพื่อส่งออก เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง “ใครที่มาดูงานกลับไปยิ้มได้ทุกคน” สมกับที่ชื่อสวนมายิ้มจริงๆ
ต้องบอกว่าการเดินทางเพื่อหาคำตอบให้ชีวิตที่พอดีนั้นไม่ง่ายเลย กว่าจะผ่านถนนสายนี้ไปได้ ต้องวัดใจพอสมควร ทั้งอุปสรรคขวากหนามต่างมาทดสอบความแกร่งในใจ แต่วันนี้ลุงประทีปไม่ได้สู้เพียงลำพัง ยังมียานพาหนะที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ อย่าง “ฟอร์ดเรนเจอร์” ทุกการเดินทางที่ยากลำบาก ฟอร์ดจะเป็นเพื่อนพันธุ์แกร่งที่พาไปสู่จุดหมายอย่างปลอดภัย
การเริ่มออกเดินทางหาคำตอบของเกษตรกรหัวใจแกร่งท่านนี้ มีหลายบททดสอบที่ต้องเจอ แต่การจะผ่านมาได้นั้น ต้องใช้เวลา ทว่าในวันข้างหน้าหากต้องเจออีกกี่ปัญหา ไม่ว่าจะถนนสายไหน ลุงประทีป มายิ้ม ก็จะผ่านไปได้ด้วยหัวใจที่พอดี บนทางเดินที่พอเพียง