วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 09.00 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายนของทุกปี ทำให้เกิดฝุ่นละอองที่เป็นมลพิษจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน สิ่งแวดล้อม ตลอดจนกระทบต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวเรื่อยมา และได้เตรียมความพร้อมในการเร่งปฏิบัติการฝนหลวง ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก เพื่อดัดแปรสภาพอากาศ และยับยั้งปัญหาหมอกควัน ลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ บริเวณพื้นที่ที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการปฏิบัติการ
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันค่าปริมาณฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะที่สถานี ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ หากค่า PM10 เฉลี่ยใน 24 ชั่วโมง มีค่าเกินกว่า 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จะทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ซึ่งกรมฝนหลวงฯ ได้มีการเตรียมความพร้อม และจะทำการบินปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อดัดแปรสภาพอากาศ ลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศที่เกิดจากปัญหาหมอกควัน
ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจในความพร้อมของกรมฝนหลวงฯ เพื่อต่อสู้กับภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติภัยแล้ง การขาดแคลนน้ำ การแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า สนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากความทุกข์ยากอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทาง เพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือเว็บไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร