นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรได้รับ รายงานจากสภาเกษตรกรจังหวัดประจวบคิรีขีนธ์ว่า มีการเปลี่ยนการขนถ่ายพันธุ์ทุเรียนซึ่งเป็นพืชสงวนตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช ปี 2518 ณ ด่านสิงขร จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของ กรมวิชาการเกษตรในพื้นที่ออกไปตรวจสอบบริเวณที่ได้รับการร้องเรียนดังกล่าว โดยพบบริเวณบ้านพักตามที่ได้รับแจ้งมีการกักเก็บต้นพันธุ์ทุเรียนจำนวนมาก รวมถึงต้นพันธุ์มะขาม ลาไย มะนาว ชมพู่ และ ไม้ผลอื่นๆ แต่ยังไม่พบเห็นการเคลื่อนย้ายต้นไม้ดังกล่าว ในเบื้องต้นได้ข้อมูลว่าผู้ส่งออกเป็นคนไทย พลัดถิ่น (พม่าสัญชาติไทย) และนาต้นพันธุ์ทุเรียนมาจากแหล่งอื่น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่มีการปลูกทุเรียนเพราะสภาพดินและน้าไม่เหมาะสม นอกจากนี้จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้รับแจ้งว่าไม่มีการส่งออกพันธุ์ทุเรียนหรือพืชสงวนอื่นๆแต่อย่างใด ทั้งนี้ในเบืี้องต้นเจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรได้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีการลักลอบส่งออกต้นพันธุ์ทุเรียนตามที่ได้รับรายงาน เนื่องจากพบเห็นต้นพันธุ์ทุเรียนในเขตด่านสิงขร ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ เขตปลูกทุเรียน และหากมีการลักลอบส่งออกไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านแสดงว่าจะต้องมีพื้นที่ปลูกจำนวนมากและมีที่พักสินค้าเพื่อรอการขนย้าย รวมทั้งยังพบว่ามีการใช้รถยนต์ที่ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนรอการ ขนส่ง นอกจากนี้อาจมีความเป็นไปได้ที่ขนส่งทางช่องทางอื่นโดยไม่ผ่านเจ้าหน้าที่
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับรายงานถึงข้อสังเกตุดังกล่าวจึงได้ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรในพื้นที่ซุ่มดูพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากจำนวนต้นพันธุ์ทุเรียนที่เห็นหากใช้รถขนส่งเพียงคันเดียวอาจต้องใช้เวลาขนส่งอีกประมาณ 3 – 4 วัน จึงจะขนส่งได้หมด โดยหากพบว่ามีการลักลอบขนส่งจริงจะแจ้งให้สภาเกษตรฯ แจ้งตำรวจกองปราบเพื่อดำเนินการดักจับในวันต่อไปเพื่อให้เกิดการรับรู้ถึงมาตราการป้องกันและกฏหมาย แต่หากไม่พบการเคลื่อนย้ายแสดงว่าผู้ประกอบการรับรู้และระวังตัว