นายมานพ ลี้โกมลชัย ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท CLP เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันภาคเกษตรของประเทศไทยนั้น ในด้านของเทคโนโลยี ได้เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นมาก ทั้งขั้นตอนการผลิต แปรรูป หรือการต่อยอดการขาย และด้วยนโยบายส่งเสริมการเกษตร 4.0 ที่จริงจังมากขึ้น ทั้งจากทางหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทำให้เกษตรกรเองมีความตื่นตัวมากขึ้น ที่จะปรับตัวตอบรับกับนโยบายและตลาดที่เปลี่ยนไป โดยได้นำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ทั้งในแง่ของการผลิตและแปรรูป เพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพที่ดีขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง และรวมถึงช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง
“ จากปรากฏการณ์นี้ เราจะเห็นกลุ่มเกษตรกร 4.0 ทั่วประเทศ โดยกลุ่ม Smart Farmer จะมีบทบาทสำคัญในการพลิกวงการเกษตร โดยที่เปลี่ยนบทบาทจากเกษตรกรธรรมดา ให้กลายเป็นนักธุรกิจ ที่สามารถวางแผนการผลิต แปรรูป และขายสินค้าได้เอง ในส่วนของทิศทางตลาดอุตสาหกรรมเกษตรกรรมไทย ในปีนี้ ในแง่ของการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจเช่น ข้าว มีการเติบโตที่ดีขึ้นจากปีก่อนหน้า เนื่องจากปัจจัยของสภาพอากาศและปริมาณนี้เอื้ออำนวยทำให้ได้ผลผลิตมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ในแง่ของราคานั้น เนื่องจากมีผลผลิตมากในบางสินค้า อาจจะส่งผลกระทบบ้าง แต่โดยรวมแล้วยังถือว่า ตลาดการผลิตนั้นมีแนวโน้มเติบโตขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว และในส่วนของตลาดส่งออกนั้น ยังมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะข้าว ที่มีความต้องการสูงขึ้นจากต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์”
นายมานพ กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นบริษัท ซี แอล พี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องสีข้าว และเครื่องจักรกลการเกษตรมาตรฐานสากล ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Engineering a Better Life ที่มีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์พัฒนาสินค้าและบริการเพื่อสร้างโอกาสและชีวิตที่ดีกว่าให้แก่เกษตรกร โดยใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม และความรู้ดั้งเดิมพื้นบ้าน ผสมผสานกับการศึกษาถึงความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ทำให้เราสร้างสรรค์สินค้าที่ตอบโจทย์ทุกด้าน ทั้งในแง่นวัตกรรมที่นำสมัย คุณภาพที่เป็นที่ยอมรับและได้มาตรฐาน จึงได้ร่วมกับ บริษัท ไทวะ เซกิ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Taiwa Seki Corporation Co.,Ltd.) ผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น ร่วมกันพัฒนาเครื่องสีข้าวใหม่ 3 รุ่น ที่โดดเด่นด้วยระบบการสีข้าวคุณภาพแบรนด์เดียวในไทย ที่ตอบสนองทุกความต้องการของเกษตรกรยุค 4.0
สำหรับเครื่องสีข้าวใหม่ 3 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นเล็กสำหรับในครัวเรือน ซึ่งแบ่งเป็น เครื่องสีข้าวซีแอลพี รุ่น CR-150 ECO น้ำหนักตัวเครื่อง 45 กิโลกรัม และเครื่องสีข้าวซีแอลพี รุ่น CR-150 ECO Dual Function น้ำหนักตัวเครื่อง 65 กิโลกรัม ที่สามารถทำการขัดสีข้าวเปลือกได้มากถึง 150 กิโลกรัมต่อ 1 ชั่วโมง ด้วยขนาด 3 แรงม้า ความเร็วรอบ 2,800 รอบต่อนาที โดยมีโครงสร้างของเครื่องสีข้าวทำจากเหล็กชั้นดี แข็งแรง ทนทาน เป็นระบบกะเทาะและขัดขาวแบบแกนเหล็ก (เกลียว) ไม่มีลูกยางและลูกหิน
“เครื่องสีข้าวทั้งสองรุ่นนี้ มีระบบห้องแยกรำหยาบแบบลมดูด พร้อมมีระบบปรับความขาวข้าวเป็นสปริงปรับแรงดัน 8 ระดับ และมีช่องใส่ข้าวเปลือก สามารถบรรจุข้าวเปลือกได้ 15 กิโลกรัม และสามารถแยกข้าวปลายออกจากข้าวที่สีแล้วได้ โดยตัวเครื่องเป็นระบบส่งกำลังด้วยสายพานอย่างดี ซึ่งสินค้ามีการรับประกันตัวเครื่องนาน 5 ปี โดยเครื่องสีข้าวซีแอลพี รุ่น CR-150 ECO ขายในราคา 14,900 บาท และเครื่องสีข้าว ซีแอลพี รุ่น CR-150 ECO Dual Function ขายในราคา 19,500 บาท โดยรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องบดในตัวเดียวกัน ที่สามารถปรับความละเอียดการบดโดยการเปลี่ยนเบอร์ตะแกรงอีกด้วย
ในขณะที่อีกรุ่นได้แก่ เครื่องสีข้าวรุ่นใหญ่ ซีแอลพี รุ่น CMF-201 ที่เหมาะสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือในอุตสาหกรรมการผลิตข้าวสาร มีระบบการทำงานครบจบทุกขั้นตอน ทั้งทำความสะอาดข้าวเปลือก กะเทาะข้าวเปลือก ขัดสี และคัดแยกขนาดข้าวสาร สามารถทำการขัดสีข้าวได้มากถึง 200 กิโลกรัมข้าวเปลือกต่อ 1 ชั่วโมง และสามารถผลิตได้ทั้งข้าวกล้องและข้าวขาว สามารถปรับระดับความขาวได้ โดยการสีเพียงรอบเดียว ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมการเกษตรได้เป็นอย่างดี มีราคาขายอยู่ที่ 340,000 บาท
นายมานพ ลี้โกมลชัย กล่าวต่ออีกว่า จากการขยายของกลุ่มเกษตรกร Smart Farmer และนโยบายส่งเสริมการเกษตรที่พึ่งพาตัวเอง ทำให้แนวโน้มของการขยายเครื่องสีข้าวในประเทศไทยดีขึ้น โดยคาดว่า ในระยะ 2-5 ปีนี้ ตลาดจะโตขึ้นโดยประมาณ 2-3 เท่า และนอกเหนือจากประเทศไทยแล้ว เรายังเตรียมบุกตลาดในกลุ่ม AEC และ Africa เพื่อเพิ่มโอกาสการขยายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยกลุ่มลูกค้าหลักเรามุ่งเน้นไปที่กลุ่มเกษตรกรขนาดเล็ก ที่สีข้าวบริโภคเองเป็นหลักสัดส่วน 50% รองลงมาจะเป็นกลุ่มเกษตรกรขนาดเล็ก-กลาง ที่สีข้าวเพื่อบริโภคเองและขายในปริมาณไม่มาก สัดส่วน 30% และสุดท้ายคือกลุ่มเกษตรกรที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้และธุรกิจจากข้าว แบ่งสัดส่วนเป็น 20% โดยเราเปิดตลาดเครื่องสีข้าวในปี 2561 นี้ประมาณ 4,000 เครื่อง หรือมูลค่าประมาณ 120 ล้านบาท
“ สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 0-2286-6098-9 ซึ่งได้จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและมีบริการ On-site Service ที่จะช่วยให้ลูกค้าอุ่นใจตลอดอายุการใช้งาน ทั้งนี้เพื่อให้เราเป็นที่ 1 ในใจลูกค้าในยุคที่ข้อมูลข่าวสารและความจริงใจเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เราจึงมุ่งเน้นการ สร้างการรับรู้ เข้าถึงข้อมูลให้ง่ายที่สุด และการสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ” นายมานพ ลี้โกมลชัย กล่าวทิ้งท้าย