รมว. พลังงาน เปิดโอกาสสร้างความเติบโตและความอยู่รอดทางธุรกิจให้กับเอสเอ็มอีคนตัวเล็ก ด้วยการให้นโยบายสนับสนุนสร้างธุรกิจโรงไฟฟ้าชุมชน และโซล่าร์เซลล์ชุมชน ใช้จุดแข็งจากภาคเกษตรมาสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ สอดรับกับทิศทางประเทศไทย และทิศทางดิสรับชันโลก แนะให้เอสเอ็มอีสร้างพันธมิตรกันเองให้เข็มแข็ง สร้างความต่าง เล็งช่องทางจุดอ่อนบริษัทใหญ่ ฉีกบทบาทตัวเอง เชื่อมโยงสตาร์ทอัพ พลิกธุรกิจ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และประธานผู้ก่อตั้งสมาพันธ์ SME ไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ทิศทางโลก ทิศทางประเทศไทย ทิศทาง SME ไทย จัดโดยสมาพันธ์ SME ไทยว่า เอสเอ็มอีเป็นคนตัวเล็ก มีข้อจำกัด ทั้งด้านทรัพยากร บริหารจัดการ เทคโนโลยีการสร้างแบรนด์ หัวใจเอสเอ็มอีที่อยู่รอดได้คือ ต้องผนึกกำลัง จับมือเป็นผนึกกำลังร่วมกันให้เข้มแข็ง อย่างเก่งคนเดียว ถึงจะมีอำนาจอยู่รอดและเติบโตต่อไปในอนาคตที่ดีได้ เอสเอ็มอีต้องมีวิธีคิดที่แตกต่างจากคนอื่นในการมองหาช่องทางการทำธุรกิจให้อยู่รอด ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ต้องเผชิญกับปัญหาดิสรัปชั่นที่อาจทำให้ธุรกิจเกิดการล้มสลายได้แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีธุรกิจมาอย่างยาวนาน
เอสเอ็มอีที่ดีจะต้องรู้จักสร้างการเชื่อมโยงกับ Start Up เพื่อให้เกิดการเกื้อกูลกัน จับมือพันธมิตรกัน ทำให้เกิดจุดแข็งเพื่อให้เกิดความสามารถเข้าไปเชื่อมโยง Value Chain กับบริษัทยักษ์ใหญ่ ฉีกตัวเองให้โดดเด่นจากบริษัทยักษ์ใหญ่หรือต่างจากที่คู่ต่อสู้ที่มีอยู่ บริษัทยักษ์ใหญ่ไม่มีและเป็นจุดอ่อนที่บริษัทยักษ์ใหญ่ไม่มีความคล่องตัวมากพอเหมือนกับเอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นช่องโอกาสที่ซ่อนอยู่ให้เอสเอ็มสามารถเติบโตและอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้
อีกทั้งเอสเอ็มอีที่ดีจะต้องรู้จักและมองตัวเองให้ออกว่า ธุรกิจของตนอยู่ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอย่างไร เป็น ซันเซ็ท หรือ ซันไรส์ เอสเอ็มอีที่อยู่รอดได้ต้องอยู่ในธุรกิจซันไรส์ และใช้โอกาสนี้ในการสร้างความสามารถ ต้องมีความพยายามและแอคทีฟในการต่อสู้อย่างสูงเพื่อสร้างแต้มต่อ ฉีกตัวเองให้เร็วที่สุด จึงจะทำให้โอกาสเอ็มเอ็มอีคนตัวเล็กพลิกโอกาสขึ้นมาได้ท่ามกลางทิศทางดิสรับชันของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ทิศทางเอสเอ็มอีที่สามารถใช้โอกาสที่ดีที่สุด คือ ต้องมองและใช้ทิศทางของประเทศให้เป็นและมองให้ออกว่าทิศทางประเทศไปทางไหน จึงจะเป็นตัวตอบโจทก์เอสเอ็มอี เมื่อประเทศไทยมีจุดแข็งที่เป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียน ต้องมองประเทศไทยที่ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ให้พลิกมุมมองใหม่ มองเป็นอาเซียน เห็นเพื่อนบ้านเป็นโอกาสทางธุรกิจ ที่สามารถขยายพื้นที่เอสเอ็มอีให้ใหญ่ขึ้นโดยใช้โอกาสในเส้นทางเดินบนทิศทางและนโยบายประเทศไทย
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า ธุรกิจพลังงานเป็นธุรกิจที่สร้างโอกาสธุรกิจให้มหาศาล เพราะพลังงานเป็นสิ่งจำเป็นต้องการดำรงชีวิตที่อยู่รายล้อมรอบตัว จึงเป็นโอกาสที่ดีให้กับเอสเอ็มอีคนตัวเล็ก โดยรัฐมีนโยบายที่สนับสนุนให้เอสเอ็มอีต่อยอดโอกาสธุรกิจ ด้วยการทำโรงไฟฟ้าชุมชน ใช้จุดแข็งจากภาคธุรกิจการเกษตรที่มีอยู่ เช่น นำฟางข้าว เศษไม้ หรือวัสดุต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ มาผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ขึ้นเองภายในชุมชน ที่เป็นนโยบายเพื่อเปิดโอกาสให้กับเอสเอ็มอีคนตัวเล็กได้สร้างโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากบริษัทใหญ่ แม้แต่การไฟฟ้าเอง มีข้อจำกัดไม่คล่องตัวในการเข้าไปจัดทำเองได้ การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาพีพีเอยังติดขัดไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้มากนัก
อีกทั้งชุมชนแต่ละชุมชนเองมีความต้องการที่ยกระดับชีวิตที่สูงขึ้น โรงไฟฟ้าชุมชน จึงเป็นมิติช่วยหนุนเศรษฐกิจฐานรากทีดีให้เกิดการเติบโตด้วยพลังงาน ตัวอย่างที่ดี ได้แก่ การทำโซล่าร์เซลล์ชุมชนของกาญจนบุรีโมเดลบนหลังคา ที่สามารถผลิตระบบไฟฟ้าใช้ได้เป็นของตนเอง ได้ใช้ไฟฟ้าในราคาถูก และยังเป็นการสอดรับกับนโยบายรัฐได้เป็นอย่างดี เช่น การผลิตน้ำแข็งขายเองภายในชุมชน การผลิตไฟฟ้าใช้เองเพื่อปลูกผักปลอดสารขายตรงให้กับโรงพยาบาลภายในชุมชน เป็นต้น โรงไฟฟ้าชุมชนและโซล่าร์ชุมชนจึงเป็นโอกาสที่ดีของเอสเอ็มอีคนตัวเล็กให้ทำได้