นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยคุกหมี เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตั้งแต่ปี 2547 เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร หมู่ 13 บ้านสุมณฑา ตำบลผาสุก อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม พบว่ามีความเหมาะสมที่จะพัฒนาเป็นโครงการประเภทอ่างเก็บน้ำ มีความจุ 2.06 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยการก่อสร้างเขื่อนทำนบดินปิดกั้นห้วยคุกหมี กว้าง 6 เมตร ยาวประมาณ 585 เมตร ส่วนที่สูงที่สุดประมาณ 12.50 เมตร เมื่อดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว คาดว่าจะมีน้ำไหลผ่านลงอ่างเก็บน้ำเฉลี่ยรายปี 2.58 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถเก็บกักน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และพื้นที่เพาะปลูก ประมาณ 2,174 ไร่ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปี มูลค่าการก่อสร้างประมาณ 290 ล้านบาท หัวงานตั้งอยู่หมู่ 1 บ้านผาสุก ตำบลผาสุก อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี พื้นที่รับประโยชน์ 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 1 บ้านผาสุก หมู่ 10 บ้านผาทอง และหมู่ 13 บ้านสุมณฑา
นายเฉลิมเกียรติ กล่าวต่อว่า กรมชลประทานได้ให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะในอำเภอวังสามหมอ ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยคุกหมี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และในวันนี้ได้มีโอกาสมาพบกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องถิ่นและพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยคุกหมี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุดรธานี และพื้นที่ก่อสร้างคลองส่งน้ำอีกหลายแห่ง ซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีพื้นที่น้ำท่วมจำนวน 524 ไร่ หากรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมผ่านการพิจารณาอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ทางกรมชลฯ จะดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนให้กับราษฎรที่เวนคืนที่ดินทันที และจะทำการรื้อถอนบ้านเรือนของราษฎรที่มีอยู่ประมาณ 25 ครัวเรือน ซึ่งการดำเนินการในเรื่องนี้จะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์และราคาประเมินให้ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว
พร้อมกันนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยคุกหมี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในตำบลผาสุกและพื้นที่ใกล้เคียง เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ประชาชนสามารถจับสัตว์น้ำได้ และเป็นแหล่งน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ห้วยคุกหมี อีกทั้งส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ทุเรียน อ้อย มันสำปะหลัง ฯลฯ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นด้วย
“การลงพื้นที่ในวันนี้ได้รับฟังความคิดเห็นจากส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และตัวแทนภาคประชาชนทั้ง ม.1 ม.10 และม.13 ที่ได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์จากโครงการดังกล่าวนี้ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ในส่วนของกรมชลฯ นั้นก็มั่นใจว่าโครงการนี้จะสำเร็จแน่นอน เพราะพี่น้องประชาชนรอคอยมานานตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษที่แห้งแล้งกันดารมาก และขอขอบคุณทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่บริหารจัดการเกี่ยวกับป่าไม้ โดยการปลูกป่าเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับป่า เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2566-2569 ให้แล้วเสร็จอย่างแน่นอน” นายเฉลิมเกียรติ กล่าว
ด้าน นางสาวศศิธร ทรงประโคน กรรมการผู้จัดการ/ผู้ชำนาญการสิ่งแวดล้อม บริษัท สามารถ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนส์ จำกัด กล่าวว่า สรุปลักษณะโครงการนั้นจะตั้งอยู่ที่ บ้านผาสุก หมู่ 1 ตำบลผาสุก อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี ใกล้กับสำนักงานโครงการพัฒนาพื้นที่ภูผาหัก ตามพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 จังหวัดอุดรธานี สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่ชลประทาน 2,174 ไร่ มีปริมาณน้ำไหลตลอดปี สามารถทำการประมงท้องถิ่นได้ นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของประชาชนได้เริ่มต้นตั้งแต่วันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2562 ที่ผู้รับผิดชอบได้เข้าพบนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลผาสุก อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี รวมถึงผู้นำชุมชน และประชาชนที่ทำกินในอ่างเก็บน้ำ ก่อนเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ เพื่อแนะนำคณะทำงาน และภาพรวมการศึกษาโครงการ มีการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไปแล้วครั้งที่ 1 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอวังสามหมอ อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี มีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 181 คน พร้อมทั้งจัดประชุมกลุ่มย่อยตามลำดับ และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 2 (การปัจฉิมนิเทศโครงการ)
ส่วนความก้าวหน้าของโครงการ ขณะนี้ได้จัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ สผ. ซึ่งได้มีการปรับปรุงรายงานเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยทางบริษัทจะส่งรายงานการชี้แจงอีกครั้งภายในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเรามีความหวังว่าจะต้องผ่านการพิจารณาจาก สผ.อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี ทั้งฝ่ายคัดค้านและเห็นด้วย