(วันที่ 22 มกราคม 2568) นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานฯ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) และนายปัณฐวิชญ์ มุ่งสมัครศรีกุล ผู้อำนวยการ พร้อมด้วยผู้แทนจากชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์/เครดิตยูเนี่ยน,เครือข่ายสหกรณ์ออมทรัพย์และเครดิตยูเนี่ยน และชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์กลุ่มวิชาชีพทั่วประเทศร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงินสภาผู้แทนราษฎร เรื่องข้อร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบจากการออกกฎกระทรวงการฝากและการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนียน พ.ศ. 2567 โดยมี นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ ประธานกรรมาธิการการเงินฯ เป็นประธานในการประชุม ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 401 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา ทั้งนี้ในที่ประชุม เปิดโอกาสให้ผู้แทนจากสันนิบาตสหกรณ์/ชุมนุมสหกรณ์ฯ ให้ข้อมูล และชี้แจงข้อเท็จจริง ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับผลกระทบจากการออกกฎกระทรวงการฝากและการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนียน พ.ศ. 2567 และร่างประกาศคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ เรื่อง ข้อกำหนดการฝากหรือลงทุนอย่างอื่นของสหกรณ์ พ.ศ. …. เพื่อให้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการเป็นไปด้วยความรอบคอบ
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม กล่าวว่า ในการออกกฎกระทรวงฯฉบับนี้ ไม่ได้มีการทำประชาพิจารณ์ที่มีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเป็นเพียงการประชาพิจารณ์ออนไลน์ อย่างไรก็ตามเมื่อภาคสหกรณ์ได้ทำหนังสือให้ทราบถึงผลกระทบและข้อแนะนำ ก็ไม่ได้รับการแก้ไขใดๆ ซึ่งการดำเนินการของสหกรณ์นั้นไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือการลงทุนไม่สามารถเอาไปเทียบเคียงกับสถาบันการเงินเช่น ธนาคาร เพราะ สหกรณ์นั้นเป็น สถาบันด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ ปัจจุบัน มีการออกระเบียบหลายๆฉบับรวมถึงกฏกระทรวงฉบับนี้ กลับทำให้จำนวนสหกรณ์ทั้งระบบลดลงมาก อย่างมีนัยยะสำคัญ ในขณะที่ รัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ว่า “รัฐพึงสนับสนุนและคุ้มครองสหกรณ์”
ด้านนายปัณฐวิชญ์ มุ่งสมัครศรีกุล กล่าวว่า กฏกระทรวงฉบับนี้โดยรวมกระทบการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์/เครดิตยูเนี่ยนทั้งระบบ หากยังเป็นเช่นนี้ สหกรณ์อาจจะหายไปในที่สุด จึงขอชะลอและเพิกถอนกฎกระทรวงเพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งผลประโยชน์ของขบวนการสหกรณ์ ภายหลังรับฟังข้อเท็จจริง และข้อเสนอแนะที่ทางขบวนการสหกรณ์นำเสนอ ประธานกรรมาธิการการเงินฯ กล่าวว่า จะนำเอาข้อเสนอแนะของขบวนการสหกรณ์ หารือ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และปลัด พร้อมเร่งดำเนินการหาทางออกร่วมกันอย่างดีที่สุด เพื่อนำประชุมคราวต่อไป.
