“ดอยปางบง”แบรนด์ดังสร้างชื่อทายาทเกษตรกรสมาชิก อานิสงค์จากสหกรณ์ฯดอยสะเก็ดพัฒนาผนึกไจก้าถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิตกาแฟสู่สมาชิกสหกรณ์ฯสนองแนวพระราชดำริในหลวงร.9 เพื่อสร้างความมั่นคงยั่งยืนเรื่องรายได้และอาชีพของเกษตรกรพื้นที่สูง
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่บ้านปางบง ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2523 ทรงทราบถึงความเดือดร้อนของราษฎรที่มีอาชีพทำสวนเมี่ยง เนื่องจากเมี่ยง (ชา) มีราคาตกต่ำลง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ จำนวน 300,000 บาท สำหรับการก่อตั้งโครงการหลวงป่าเมี่ยง เพื่อเป็นศูนย์สาธิตและส่งเสริมการเพาะเห็ดหอม และส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิกาให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น
กว่า 40 ปีที่ชาวบ้านปางบงได้เปลี่ยนจากทำเมี่ยง(ชา)มาปลูกกาแฟพันธ์อาราบิก้าอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จนสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ผ่านการดูแลของสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด เริ่มจากการปลูกเพื่อขายเมล็ดกาแฟกะลา จนกระทั่งนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่าอย่างครบวงจร ต่อมาในปี 2562 ได้มีโครงการความร่วมมือ ไทย-ญี่ปุ่น ระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ในการจัดการหลังเก็บเกี่ยวและการพัฒนาฐานชุมชนสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชน (กาแฟอาราบิกา) เพื่อยกระดับกาแฟดอยสะเก็ดให้เป็นกาแฟพรีเมี่ยมคุณภาพสูง ทางไจก้าส่งผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นด้านกาแฟมาให้องค์ความรู้ ทุ่มเทเวลาทั้งหมดถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรอย่างใกล้ชิด ดูแลตั้งแต่กระบวนการผลิต การปลูก ดูแลต้น เก็บเกี่ยว การควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงกระบวนการแปรรูปด้วยเทคนิคพิเศษ
สำนักงานสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ได้เลือกสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด เป็นเป้าหมายในการดำเนินโครงการ เพื่อพัฒนาต่อยอดอาชีพเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟ ภายใต้แบรนด์ “Doi Saket Coffee Green” ไม่เพียงการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน มั่นคงแก่เกษตรกรสมาชิกเท่านั้น ทว่ายังต่อยอดไปยังทายาทเกษตรกรสมาชิก อย่าง ”อานนท์ พวงเสน” เกษตรกรเจ้าของไร่กาแฟดอยปางบง ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เจ้าของร้านกาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟแบรนด์ ”ดอยปางบง” ทั้งยังสามารถคว้ารางวัลอันดับที่ 2 ประเภท กาแฟอาราบิกาแบบกึ่งแห้ง จากการประกวดกาแฟในงาน Thailand Coffee Excellence Award 2022 พร้อมรับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและเงินรางวัลอีกด้วย
เด็กหนุ่มวัย 40 เศษดีกรีไม่ธรรมดาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยพายัพ จับพลัดจับพลูมามาทำไร่กาแฟที่รับช่วงต่อมาจากครอบครัว หลังได้รับองค์ความรู้การบริหารจัดการไร่กาแฟและการแปรรูปจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA)ร่วมกับสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา จำกัด และยังได้รับทุนไปศึกษาดูงานด้านการแปรรูปกาแฟครบวงจรที่ญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย จนสามารถมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ของตนเองในวันนี้
“สิ่งที่เราได้รับความรู้จากไจก้าและกรมส่งเสริมสหกรณ์มีเยอะมาก อย่างหนึ่งก็คือเรื่องคุณภาพของกาแฟที่เราผลิต เริ่มตั้งแต่การเพาะกล้า สอนวิธีดูแลต้นกาแฟ การตัดแต่งกิ่ง การทำสาว รวมถึงกระบวนการเก็บเกี่ยวและขั้นตอนการแปรรูปกาแฟ เพื่อให้กาแฟมีคุณภาพและรสชาติที่ดีขึ้น” อานนท์ กล่าว
เขายอมรับว่าการไปศึกษาดูงานที่ญี่ปุ่นได้เห็นกระบวนการแปรรูปที่หลากหลายด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพราะญี่ปุ่นไม่มีการปลูกกาแฟ แต่จะสั่งวัตถุดิบจากต่างประเทศเพื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ ในขณะที่อินโดนีเซียนนั้นจะไปดูเรื่องการบริหารจัดการไร่กาแฟ การดูแลต้นพันธุ์ ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟเนื่องจากอินโดนีเซียเป็นแหล่งปลูกกาแฟคุณภาพอันดับต้น ๆ ของโลก
“ก็นับเป็นโอกาสดีของเราที่ได้ไปดูงานทั้งญี่ปุ่นและอินโดฯ เพราะทั้งสองประเทศมีจุดดีจุดเด่นคนละด้านแล้วเราก็นำมาต่อเป็นจิกซอร์เพื่อต่อยอดในการดำเนินธุรกิจกาแฟของเรา” เจ้าของไร่กาแฟและผลิตภัณฑ์แปรรูปกาแฟแบรนด์ ”ดอยปางบง” เผย
สำหรับผลิตภัณฑ์กาแฟ ”ดอยปางบง-เทพเสด็จ” มีทั้งแบบเมล็ดและแบบผง มีทั้งคั่วเข้ม คั่วกลาง คั่วอ่อน และมีหลายขนาดให้เลือก ต่ำสุดสนนในราคาถุงละ 130 บาท ขนาด 200 กรัม โดยจัดส่งจำหน่ายทางออนไลน์เป็นหลัก ส่วนผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายที่ร้านกาแฟดอยปางบง ซึ่งเป็นร้านของตนเองมีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ปัจจุบันนอกจากทำไร่กาแฟอินทรีย์(อาราบิก้า)และธุรกิจร้านกาแฟแล้วยังมีการทำฟาร์มสเตย์ให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
โดยเปิดอบรมให้กับผู้สนใจทำธุรกิจกาแฟครบวงจร เริ่มการจัดการพื้นที่ปลูกกาแฟ การเลือกต้นพันธุ์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ ตลอดช่องทางการจัดจำหน่าย โดยมีคอร์สจัดอบรม 2 วัน 1 คืน พร้อมอาหาร(พื้นเมือง) 3 มื้อและที่พัก(โฮมสเตย์)ท่านละ 4,000 บาท แต่หากมาเพื่อท่องเที่ยวพักโฮมสเตย์ พร้อมอาหาร(พื้นเมือง) 3 มื้อ ราคา 1,700 บาท/ท่าน
ปัจจุบันไร่กาแฟอานนท์มีพื้นที่ประมาณ 30 ไร่เศษ โดยใช้กาแฟพันธ์อาราบิก้า ให้ผลผลิตประมาณ 2 ตันต่อปี โดยผลผลิตร้อยละ 30 ส่งให้กับสหกรณ์การเกษตรดอนสะเก็ตพัฒนา จำกัด ส่วนอีกร้อยละ70 นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ในนามกาแฟดอยปางบง ผ่านร้านกาแฟดอบปางบง-เทพเสด็จของตัวเอง โดยมีซิกเนเจอร์อยู่ที่ฮันนี่โปรเสท(Honey Process)ที่มีกลิ่มหอมหวานดอกไม้ที่มาจากการคัดสรรและกระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟ
“Honey Process วิธีนี้ไม่ได้มีน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบแต่อย่างใดนะครับ แต่เป็นการนำกะลาไปตากทันทีหลังจากกะเทาะเปลือกแล้ว โดยข้ามขั้นตอนแช่น้ำขจัดเมือก กาแฟที่ผ่านกรรมวิธีนี้จะมีความเปรี้ยวต่ำ (Lower Acidity) และติดรสละมุนจากความหวานซึ่งจางอ่อนตามธรรมชาติมากกว่าเมล็ดทั่วไป”อานนท์เผยจุดเด่น
อย่างไรก็ตามปัจจุบันกระบวนการแปรรูปผลกาแฟสดจาก ‘กะลา’ ให้กลายเป็น ‘เมล็ดกาแฟ’ (สารกาแฟ) นั้น มี 3 กรรมวิธีที่นิยมกัน ได้แก่ 1. Wet / Washed Process คือการนำผลกาแฟที่สุกจากต้นมากะเทาะเปลือก แล้วจึงนำตัวกะลาไปแช่น้ำกำจัดเมือกแล้วตากให้แห้ง แล้วนำไปเป็นเมล็ดกาแฟสำหรับคั่ว 2. Dry Process คือการนำผลกาแฟไปตากให้แห้งทั้งเปลือก แล้วค่อยนำไปสีเอาเปลือกออก และ3. Honey Process การนำกะลาไปตากทันทีหลังจากกะเทาะเปลือกแล้ว โดยไม่ผ่านขั้นตอนแช่น้ำขจัดเมือก
สนใจเรียนรู้กาแฟครบวงจรหรือลองดื่มกาแฟ(อาราบิก้า)อินทรีย์คุณภาพที่ผ่านมาพระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถัน ภายใต้ตราสักษณ์ทางการค้า”ดอยปางบง”โทร.08-8252-7164 อานนท์ พวงเสน ยินดีให้บริการ