กยท. หนุนโครงการน้ำหมักปลาหมอเฟสแรกกว่า 500 ช่วยแก้ระบบนิเวศ-เพิ่มผลผลิตยางแก่เกษตรกรฯ

การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยผลสำเร็จ ‘โครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง’ สนับสนุนปัจจัยการผลิตคุณภาพสูงแก่ชาวสวนยาง ควบคู่ไปกับการลดจำนวนปลาหมอคางดำ ฟื้นฟูระบบนิเวศสู่ความสมดุล

ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการ กยท. เปิดเผยว่า  การดำเนินโครงการฯ ในเฟสที่ 1 ประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย กยท. รับซื้อปลาหมอคางดำ คิดเป็นมูลค่ากว่า 11,628,730 บาท ช่วยลดปริมาณปลาหมอคางดำจากระบบนิเวศน์ถึง 581.44 ตัน สามารถนำไปผลิตน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ ได้ทั้งหมด 930,298.40 ลิตร และจัดสรรน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ ให้กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางที่อยู่ในโครงการสนับสนุนแปลงใหญ่ยางพาราทั่วประเทศกว่า 14,552 ราย (รายละ 40 ลิตร) สามารถนำไปฉีดพ่นในสวนยางพารา อย่างน้อยคนละ 320 ไร่ นอกจากนี้ กยท. ยังได้นำน้ำหมักชีวภาพอีกส่วนไปจำหน่ายให้กับเกษตรกรผู้รับการปลูกแทนและเกษตรกรทั่วไปนำไปใช้บำรุงพืชเกษตรอื่นอีกด้วย

นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. กล่าวว่า ความคืบหน้าในการดำเนินโครงการฯ เฟสที่ 2 ปัจจุบัน กยท. ได้รับอนุมัติ กรอบงบประมาณ 12 ล้านบาทรับซื้อปลาหมอคางดำจากแพปลาปลาหรือจุดรับซื้อที่ประกาศโดยกรมประมง จำนวนทั้งสิ้น 577,539 กก. และได้กระจายปลาหมอทั้งหมดไปตามจุดผลิตน้ำหมักชีวภาพในพื้นที่ที่สถาบันเกษตรกรและหมอดินอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการฯ กับ กยท. อยู่ระหว่างกระบวนการแปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพ โดยคาดว่าผลิตน้ำหมักเสร็จในช่วงเดือนเมษายน 2568 เมื่อกระบวนการผลิตน้ำหมักชีวภาพเสร็จสิ้น กยท. โดยหน่วยธุรกิจจะนำน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำออกจำหน่ายให้กับภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกรทุกกลุ่ม รวมถึงบุคคลทั่วไปน้ำไปใช้บำรุงรักษาสวนยางต่อไป

ทั้งนี้ ทางด้าน ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการ กยท. และ นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. ลงพื้นที่ ติดตามผลสำเร็จจากการนำน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำในพื้นที่สวนยาง ต.แม่แรง อ.แม่ทา จ.ลำพูน เห็นผลได้ชัดว่า สามารถช่วยให้ต้นยางเจริญเติบโตได้ดี กรีดยางง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มผลผลิตยาง รวมไปถึงมีคุณสมบัติช่วยบำรุงพืชเกษตรชนิดอื่นๆ เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรได้มากขึ้น

นายณรงค์ กาปัญญา เกษตรกรชาวสวนยางเจ้าของสวนยาง อ.แม่ทา จ.ลำพูน กล่าวว่า ได้มีการนำน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำของ กยท. มาใช้ในสวนยาง โดยการทดลองใช้ผ่านทางระบบน้ำแบบสปริงเกอร์ และใช้เครื่องฉีดพ่นบริเวณลำต้นของต้นยยาง พบว่า ต้นยางมีใบหนา ผิวสวย เนื้อยางนิ่ม กรีดง่ายและให้ผลผลิตน้ำยางในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำของ กยท. จะมีจุลินทรีย์ย่อยสลายปุ๋ยเคมี ซึ่งปกติปุ๋ยเคมีมันจะลงดิน ใช้เวลา 30 วัน แต่พอนำปุ๋ยเคมีมาหมักในน้ำหมักปลาหมอคางดำ ใช้เพียง 3 วัน ในการสลายตัว เพราะมีจุลินทรีย์อยู่ข้างในนั้น เมื่อเอาลงดินพืชจะได้รับประโยชน์ทันที ซึ่งน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำของ กยท. อุดมไปด้วยธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และจุลธาตุที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของต้นยางได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ การใช้ปลาทั้งตัวในการหมักนั้นจะช่วยเพิ่มสารอาหารมากกว่าน้ำหมักทั่วไป เนื่องจากปลาจะมีสารคีเลตที่ช่วยหุ้มจุลธาตุ ทำให้ต้นยางสามารถดูดซึมจุลธาตุผ่านรากและใบได้ดียิ่งขึ้น กยท. ขอแนะนำให้เกษตรกรชาวสวนยางหันมาใช้น้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำของ กยท. เพราะนอกจากจะมีธาตุอาหารที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตแล้ว ยังมีราคาถูกกว่าท้องตลาด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตลงได้

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated